นายกฯ ขึ้น ฮ.สำรวจน้ำท่วม นครสวรรค์-สุโขทัย ลงพื้นที่พบ “ปรีชา” มอบถุงยังชีพ เยี่ยมครัวรัฐบาล ทำผัดกะเพราหมูถั่วฝักยาว ให้สัมภาษณ์อ้างมาเพราะเป็นห่วง แต่ตอนนี้วางเกเบียนและบิ๊กแบ็กเสร็จแล้ว คาด 2 วันสูบน้ำเสร็จ ยันไม่มีมวลน้ำก้อนใหญ่แล้ว คาดปลายน้ำพอรองรับได้แม้มีฝนเพิ่ม ก่อนไปค้างคืนพิษณุโลก
วันนี้ (13 ก.ย.) เวลา 13.40 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง จ.นครสวรรค์ โดยตรวจสภาพพื้นที่ประสบอุทกภัย และตรวจเยี่ยมสถานีตรวจวัดน้ำ C.2 ที่ค่ายจิรประวัติ มทบ.31 โดยรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และอธิบดีกรมชลประทาน ที่รายงานถึงการเตรียมความพร้อมรับน้ำที่ไหลจาก จ.สุโขทัย และร่องความกดอากาศต่ำว่าจะต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมาก โดยระบายไปทางฝั่งตะวันออกให้มากที่สุด แต่จะไม่ระบายไปทางฝั่งตะวันตก เพราะลำคลองคดเคี้ยว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในพื้นที่เขตเศรษฐกิจของจังหวัดจะผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมไปได้ เนื่องจากงบประมาณที่อนุมัติ 900 ล้านบาทขณะนี้ได้นำไปก่อสร้างแนวและกำแพงกั้นน้ำแล้ว
จากนั้นเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายัง จ.สุโขทัย เพื่อดูความคืบหน้าการซ่อมพนังกั้นน้ำที่เกิดปัญหาน้ำทะลักลอดใต้พนังจนท่วมบ้านเรือนประชาชน ที่บริเวณวัดราชธานี เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี อ.เมืองฯ จ.สุโขทัย โดยเมื่อมาถึง นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกันบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ และการซ่อมพนังกั้นน้ำ โดยนายปรีชา กล่าวว่า ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนทำการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำ ตลอด 3 วัน 3 คืน และเสร็จสิ้นเวลาตี 1 ที่ผ่านมา ยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำใน จ.สุโขทัยนั้นเราเอาอยู่แล้ว คาดว่าภายใน 2 วันน้ำจะลดและเข้าสู่ภาวะปกติ และหลังน้ำลดก็เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยทำความสะอาด
ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชื่อมั่นว่า หากอยู่บนสถานการณ์ปกติการระบายน้ำของ จ.สุโขทัยจะไม่เกินประสิทธิภาพที่จะรองรับได้ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีลำน้ำใดที่มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งเลย แต่เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นอุบัติเหตุทางภัยพิบัติที่มีพนังกั้นน้ำซึ่งใช้มานานชำรุด ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างฉับพลัน แต่ด้วยการใช้ประสบการณ์จากปีที่แล้ว และรัฐบาลได้ตั้งศูนย์ส่วนหน้าในทุกจังหวัด มีการสั่งการแบบซิงเกิลคอมมานด์ ทำให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ปัญหาได้ถูกทาง จนสามารถปกป้องพื้นที่และช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างรวดเร็ว และทำให้สบายใจได้ว่ามวลน้ำจะไม่ไหลกระทบไปยังพื้นที่อื่นๆ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมครัวรัฐบาล ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาตั้งเต็นท์คอยให้บริการประชาชน พร้อมลงมือทำผัดกระเพราหมูถั่วฝักยาวและตักแจกชาวบ้าน พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย ก่อนสวมบูตลุยน้ำไปดูจุดที่มีการซ่อมพนังกั้นน้ำ ดูปริมาณน้ำในแม่น้ำยม และสอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้านในเทศบาลเมืองที่ประสบปัญหาน้ำท่วม
เวลา 16.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังดูความคืบหน้าการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำเทศบาลเมืองสุโขทัย และมอบถุงยังชีพให้ประชาชนว่า ที่เดินทางลงพื้นที่ดูตั้งแต่ จ.สุโขทัย เพราะเป็นห่วง เนื่องจากถ้ามวลน้ำในจุดนี้ลงไปก็จะไปกระทบกับพื้นที่จังหวัดอื่น แต่เมื่อมาดูแล้วก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้ชะลอน้ำได้แล้วโดยการวางเกเบียน (Gabion หรือกล่องลวดบรรจุหิน) และบิ๊กแบ็ก ถือว่างานซ่อมชั่วคราวเสร็จแล้ว อีก 2 วันจะสูบน้ำเสร็จ จึงเชื่อว่าในจุดอื่นๆ ไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก
ขณะเดียวกัน ทางกรมชลประทานได้เร่งระบายน้ำเพื่อไม่ให้มีมวลน้ำขนาดใหญ่ในท้ายเขื่อนบริเวณแถวๆ ใต้ จ.นครสวรรค์ลงไป ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน รวมทั้งกองทัพ และภาคเอกชนที่เข้าไปร่วมกันแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว วันนี้จึงสบายใจขึ้น เพราะสิ่งที่เราห่วงคือมวลน้ำที่อยู่ จ.สุโขทัย ซึ่งวันนี้หยุดได้แล้ว จากนี้ก็จะระบายไปตามปกติ จะไม่มีมวลน้ำก้อนใหญ่แล้ว เพราะภาพรวมน้ำยังไม่ล้นตลิ่ง การระบายน้ำทั้งหมดจึงยังไม่เกินประสิทธิภาพคูคลองที่จะรับได้ จากนี้ก็เร่งทำความสะอาดและตั้งทีมสำรวจความเสียหายเพื่อที่จะได้เข้าไปดูแลประชาชนโดยเร็ว ส่วนแนวทางการเยียวยาก็ยังเป็นไปตามระเบียบเดิมที่ใช้เมื่อครั้งที่ผ่านมาแต่จะเร่งเข้าไปทำงานมากขึ้น ให้ตั้งทีมเข้าไปสำรวจเลย โดยไม่ต้องรอให้น้ำลด ซึ่งทุกฝ่ายรู้หน้าที่ในการทำงานแล้ว
เมื่อถามว่าให้ความมั่นใจกับพื้นที่ปลายน้ำว่าจะไม่มีปัญหาหนักเหมือนปีที่ผ่านมาแล้วใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ที่ตนมาสำรวจเพื่อให้ประชาชนได้สบายใจ ซึ่งความจริงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นถ้าเป็นไปตามสถานการณ์ปกติถือว่าไม่เกินประสิทธิภาพของลำน้ำที่จะรับได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะมีปริมาณน้ำฝนในช่วงวันที่ 13-17 ก.ย.เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทาง กบอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คำนวณแล้ว เชื่อว่าน่าจะพอรองรับได้ มั่นใจว่าสถานการณ์ปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน ส่วนที่บริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี จากการบินสำรวจในวันนี้ก็เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหา
จากนั้นเวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมายัง จ.พิษณุโลก เป็นประธานการประชุมและรับฟังการบรรยายสรุป เรื่องคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ก่อนพักค้างคืนที่โรงแรมอมรินทร์ ลากูน