ตามรอยข่าวลือ ล็อบบี้ ส.ว.สอย “เทือก”

สะเก็ดไฟ

อีกไม่กี่วันจะรู้แล้วว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะรอดพ้นการถูกวุฒิสภาลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือไม่

ตามคำร้องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมายังวุฒิสภา ว่า ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดกรณีเมื่อครั้งนายสุเทพดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากวุฒิสภาจะมีการประชุมลับเพื่อลงมติเรื่องนี้ในวันอังคารที่ 18 ก.ย.นี้

หลังคดีนี้ได้ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาไปสองนัดแล้ว นัดแรกคือเมื่อ 27 สิงหาคมซึ่งเป็นวันเปิดคดีนัดแรกต่อที่ประชุมวุฒิสภาซึ่งวันดังกล่าวสุเทพได้ขอใช้สิทธิยื่นหลักฐานเพิ่มเติมในชั้นวุฒิสภาจากเดิมที่เคยยื่นไว้ในชั้น ป.ป.ช.เพื่อต่อสู้คดีในชั้นวุฒิสภา ซึ่งทางที่ประชุมวุฒิสภาก็ได้เห็นชอบตามที่สุเทพขอใช้สิทธิ์

นัดที่สองที่ผ่านไปเมื่อวันศุกร์ที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา อันเป็นวันที่ ป.ป.ช.แถลงเปิดคดีต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อสรุปที่มาที่ไปของคดีนี้ว่าเหตุใด ป.ป.ช.จึงมีมติชี้มูลความผิดนายสุเทพ และสุเทพก็แถลงคัดค้านข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ที่พยายามต่อสู้ว่าหนังสือที่ทำถึงกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และคณะบุคคลไปช่วยราชการที่กระทรวงนั้น แม้จะทำออกไปแล้ว แต่เมื่อมีผู้ทักท้วงว่าอาจกระทำผิดต่อกฎหมาย ก็ได้ทำเรื่องขอส่งหนังสือดังกล่าวคืน

ไม่มีการส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไปช่วยงานราชการแต่อย่างใดทั้งสิ้น สุเทพจึงพยายามอ้างว่าไม่น่าจะถือว่ากระทำความผิด

แค่สิ้นเสียงการสู้กันกลางที่ประชุมวุฒิสภาของกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.กับสุเทพ ไม่ทันข้ามวันก็มีกระแสข่าวออกมาจากรัฐสภาแล้วว่ากระบวนการล็อบบี้ต่างๆ เกิดขึ้นแล้วในสภาสูง

ข่าวด้านหนึ่งบอกสุเทพและฝายประชาธิปัตย์เริ่มเช็กเสียง ส.ว.บางส่วนแล้วว่า ฟังสิ่งที่ ป.ป.ช.แถลงต่อที่ประชุมวุฒิสภากับสิ่งที่สุเทพ แถลงคัดค้าน น้ำหนักของฝั่งไหน ดูน่าเชื่อถือกว่ากัน

แต่อีกด้านหนึ่งก็มีการให้ข่าวออกมาจากฝั่งประชาธิปัตย์ผ่าน ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มสุเทพ อย่าง อาคม เอ่งฉ้วน ที่อ้างว่าได้ยินข่าวมาว่า เวลานี้ฝั่งเพื่อไทยส่งอดีตแกนนำพรรคกลุ่ม 111 ไทยรักไทยออกมาล็อบบี้ ส.ว.เพื่อให้ลงคะแนนถอดถอนสุเทพ เพื่อหวังให้สุเทพพ้นจากวงจรการเมืองห้าปี

ข่าวที่ออกมาจากทั้งสองฝั่ง ฝ่ายที่เสียมากที่สุดคงไม่พ้นวุฒิสภา

เพราะคนจะมองได้ว่าเป็นวุฒิสภาเป็นสภาล็อบบี้ ส.ว.โดนล็อบบี้ง่าย หลังก่อนหน้านี้ วุฒิสภาเพิ่งจะผ่านพ้นศึกเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งไปหยกๆ ซึ่งแม้จะผ่านพ้นไปแล้วแต่ก็ทำให้ภาพของสภาสูงในเรื่องการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและการล็อบบี้กันทางการเมืองเพื่อแย่งเก้าอี้ชิงตำแหน่งกันออกมาในทางติดลบค่อนข้างมาก

มาเจอคนนอกวุฒิสภาให้ข่าวมีการล็อบบี้เสียงกันในวุฒิสภาเพื่อช่วยเหลือสุเทพหรือให้เล่นงานสุเทพ ฝ่าย ส.ว.ก็ย่อมถูกคนภายนอกมองว่า ส.ว.กำลังถูกบางฝ่ายใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

ตามรอยของข่าวลือนี้ ผ่านไปทางคนในสภาสูง บอกว่ายังเหลือเวลาอีกร่วมสัปดาห์กว่าๆ ผนวกกับที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติคัดเลือก ส.ว. 8 คน ไปเป็นคณะกรรมาธิการซักถามฝ่าย ป.ป.ช.และตัวสุเทพ เพื่อซักถามข้อสงสัยต่างๆ ในคดีนี้เพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าจะฟังความจากฝายป.ป.ช.และสุเทพอย่างเดียว ประเด็นไหนที่เห็นว่า ป.ป.ช.ยังสรุปไม่ชัดในการเอาผิดกับสุเทพ หรือเห็นว่าสุเทพยังแจงไม่เคลียร์ในเรื่องไหน กรรมาธิการทั้ง 8 คนก็จะไปซักถามแล้วนำมาเสนอประกอบการพิจารณาลงมติของวุฒิสภา

แล้วก็ต้องรอดูในวันแถลงปิดคดีของทั้งฝ่าย ป.ป.ช.และสุเทพ คือวันที่ 17 กันยายน ที่ถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดของทั้งสองฝ่ายทาง ส.ว.ก็จะฟังว่าข้อมูลของฝั่งไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน ก่อนที่จะไปลงมติกันในวันที่ 18 ก.ย.

อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลายคนมองข้ามช็อตไปที่วันลงมติกันแล้วว่าสุเทพจะรอดหรือไม่รอด เพราะข้อเท็จจริงการต่อสู้คดีทั้งจากฝั่ง ป.ป.ช.และสุเทพ หลักใหญ่ก็ยังยึดตามพยานหลักฐานในสำนวนเดิมในชั้น ป.ป.ช. ไม่น่าจะมีอะไรใหม่ออกมาแน่นอน ภาพรวมเวลานี้พบว่า ประเด็นการต่อสู้โดยเฉพาะฝั่งสุเทพจะเน้นไปเรื่องเจตนาการทำผิดรัฐธรรมนูญมีหรือไม่ กับเรื่องข้อกฎหมายเป็นหลัก

เมื่อ ส.ว.เริ่มมองข้ามช็อตไปถึงวันลงมติ ก็เลยทำให้ข่าวการล็อบบี้เสียงเพื่อให้ทั้งช่วยสุเทพหรือให้สอยสุเทพ ก็เลยถูกสร้างกระแสขึ้นมาดังกล่าว

ทั้งที่ตามข้อเท็จจริง โอกาสที่สุเทพจะโดนถอดถอนถือว่ายากมาก เพราะต้องใช้เสียงเห็นชอบในการถอดถอนถึง 89 เสียง คือ 3 ใน 5 ของจำนวนเสียง ส.ว.ที่มีตอนนี้

จึงอย่าแปลกใจเลยที่ทำไม พวก ส.ว.ด้วยกันเองแม้แต่ฝั่งที่อาจถูกมองว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับขั้วรัฐบาล ก็ยังเชื่อว่าสุเทพชิลๆ ไม่โดนหรอก มันยาก เพราะมองว่าหากใครจะล็อบบี้เพื่อให้ ส.ว.ถอดถอนสุเทพ ก็เสียแรงเปล่า สู้เอาไว้ล็อบบี้เรื่องสำคัญและเห็นผลได้มากกว่าเรื่องนี้จะดีกว่า เพราะหากล็อบบี้ไปแล้วทำไม่ได้ ก็เสียเครดิตการเมืองกันไปเปล่าๆ โดยเฉพาะคนฝั่งรัฐบาลที่ไปรับอาสามาแล้วทำไม่สำเร็จ

เว้นแต่มั่นใจว่าทำได้ เพราะเห็นเค้าลางบางอย่างว่าสุเทพ อาการหนักจริงๆ แต่ฝ่ายที่จะเคลื่อนไหวล็อบบี้ หากคิดจะทำจริงคงต้องรอดูถึงช่วงก่อนวันลงมติ 3-4 วัน ไม่น่ารีบออกตัวเวลานี้ มันเสียแรงเปล่า