ประธานวุฒิสภาเผยกรณี ส.ส.กระบี่ ปชป.ระบุมีอดีตบ้านเลขที่ 111 ล็อบบี้ ส.ว.ลงมติถอดถอน “สุเทพ” เชื่อแค่ตีปลาหน้าไซแต่ทำ ส.ว.เสื่อมเสีย วอนอย่าคิดไปเอง ยันทุกคนลงมติมีวิจารณญาณ
วันนี้ (9 ก.ย.) นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า มีอดีตรัฐมนตรีจากบ้านเลขที่ 111 เดินสายล็อบบี้ ขอให้ ส.ว.ลงมติถอดถอน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ว่าขณะที่ตนและเพื่อน ส.ว.ยังไม่เห็นมีข่าวในลักษณะนี้ ทั้งๆ ที่ในวันนี้ได้มาร่วมงานของเพื่อน ส.ว.ร้อยเอ็ด ก็ยังไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าเป็นแค่การตีปลาหน้าไซมากกว่า แต่การพูดแบบนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย เพราะเรื่องนี้เป็นการชี้มูลความผิดโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งผลการสอบสวนมาให้ตามข้อเท็จจริง ส่วนผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ชี้แจงไป และอย่าไปคิดว่า ส.ว.จะไปลงมติด้วยอคติหรือมีคนจูงใจ เพราะ ส.ว.ทุกคนล้วนมีเกียรติ และเชื่อว่าจะลงมติโดยใช้วิจารณญาณของตัวเอง
ก่อนหน้านี้นายอาคมกล่าวถึงกรณีที่วุฒิสภาดำเนินการถอดถอนนายสุเทพออกจากตำแหน่งว่า ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ทางวุฒิสภาจะมีการประชุมเพื่อลงมติในกรณีนี้โดยต้องใช้คะแนนเสียง3 ใน 5 คือต้องใช้เสียง ส.ว.ถึง 89 จาก146 เสียงของ ส.ว.ที่มีอยู่ แต่ขณะนี้ทราบข่าวมาจากเพื่อน ส.ว.บางคนมาเล่าให้ฟังว่าเริ่มมีการเดินสายล็อบบี้ ส.ว. โดยอดีต รมต.ซึ่งเป็นคนในบ้านเลขที่ 111 ที่ใช้วิธีการต่างๆ เพราะยังขาดเสียง ส.ว.อีก 12 เสียง จึงขอให้ ส.ว.พิจารณาโดยใช้วิจารณญาณด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรมด้วย
นายอาคมเห็นว่า หากพูดด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงกรณีนี้แม้ ป.ป.ช.จะชี้มูล แต่นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาว่าความผิดยังไม่ถึงคดีอาญา เพียงแต่ส่อเจตนา ทาง ป.ป.ช.จึงยังไม่ส่งสำนวนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายสุเทพได้ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยชี้ขาดกรณีที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ.ที่มอบอำนาจให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนช่วยงานในศูนย์ดังกล่าวว่าไม่มีความผิด เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วมเช่นเดียวกันที่กระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงใหม่
ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการกิจการฮัจญ์ที่ส่งพี่น้องมุสลิมไปทำพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีปัญหามากมาย นายสุเทพจึงทำหนังสือจะส่ง ส.ส.พรรคไปช่วยงาน ซึ่งส่วนหนึ่งมี ส.ส.มุสลิมที่จะไปช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ประชาชนด้วยโดยไม่มีเจตนาแทรกแซง โดยข้อเท็จจริงยังไม่มีการดำเนินงานของ ส.ส.แต่อย่างใด
