รมว.กลาโหม เตรียมเรียก “เสถียร” ปลัด กห.แจง เหตุทำหนังสือร้องนายกฯ ล้วงโผทหาร อุบไต๋ปลัดกลาโหม ยังเป็น “ทนงศักดิ์” หรือไม่ เผยโผปลัดฯ “เสถียร” ชง “ชาตรี” ผงาดปลัดกลาโหมคนใหม่ ส่วน “ทนงศักดิ์” ได้แค่รองปลัด “ประยุทธ์” ผบ.ทบ.ดัน “อุดมเดช-จิระเดช” นั่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก “ประจิน” ยังปึ้กตำแหน่ง ผบ.ทอ.
วันนี้ (26 ส.ค.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ว่า เดี๋ยวจะต้องพูดคุยกับ พล.อ.เสถียร ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมาก แต่ตอนนี้ยังไม่อยากเป็นข่าวอะไรทั้งสิ้น เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกทีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจะเรียก พล.อ.เสถียร พูดคุยในวันจันทร์ที่ 27 ส.ค.นี้หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ เดี๋ยวดูอีกที ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ยังจะเสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก มาดำรงตำแหน่งหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ ยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ แต่ทุกอย่างจะต้องพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้น พล.อ.เสถียร ต้องการให้การแต่งตั้งโยกยายนายทหารประจำปี 2555 เป็นไปตามกฎระเบียบและข้อบังคับ แต่สิ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพล เสนอชื่อให้ พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ผ่านขั้นตอนของข้อบังคับ ซึ่งข้อบังคับในการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบของกระทรวงกลาโหม จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน และมี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ เป็นคณะกรรมการ โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นเลขานุการ ทั้งนี้ หากมีการเสนอชื่อให้ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม และบอร์ดมีการยกมือว่าไม่เอาจะให้ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก มาเป็น ซึ่งความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะบอร์ดชุดดังกล่าว มีหน้าที่ในการพิจารณาคนที่ส่วนราชการเสนอขึ้นมา โดยจะมีบอร์ดเป็นผู้กลั่นกรอง ซึ่งบอร์ดนี้คือบอร์ดของแต่ละกองทัพที่มีการตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหาร
“การพิจารณาว่าจะให้ใครมาดำรงตำแหน่งต้องขึ้นอยู่กับบอร์ดของแต่ละกองทัพที่จะเป็นผู้เสนอชื่อขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งบอร์ดของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้มีการประชุมและสรุปว่าจะเสนอชื่อ พล.อ.ชาตรี มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่มีความอาวุโสสูงสุดของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนบอร์ดใหญ่ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมีหน้าที่อย่างเดียวคือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบว่าแต่ละเหล่าทัพที่เสนอชื่อมาเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมทางเหล่าทัพก็จะต้องกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ซึ่งก็จะทำในลักษณะคล้ายกับการพิจารณาของบอร์ดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหมือนกับเอาตัวบุคคลมาให้ที่ประชุมบอร์ดใหญ่ดูหากไม่เอาก็จะต้องมีเหตุผล และถ้าบอร์ดเล็กมีการพิจารณาและยืนยันคนเดิม แต่บอร์ดใหญ่ยังไม่เอาก็จะทำให้การแต่งตั้งโยกยายนายทหารยืดเยื้อออกไปอีก ทั้งนี้หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องการให้ใครมาดำรงตำแหน่งก็จะต้องให้บอร์ดพิจารณากลั่นกรองภายในบอร์ดของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมาไม่เคยปฏิบัติในลักษณะดังกล่าวเนื่องจาก ผบ.เหล่าทัพ สามารถตกลงพูดคุยกันได้” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า มีการพูดกันว่าปีที่แล้วทำไมถึงเอา พล.อ.เสถียร ซึ่งอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพไทยมาได้ แต่การที่ พล.อ.เสถียร มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมได้ เพราะผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ก็เห็นชอบด้วย จึงทำให้ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหมต้องนั่งในตำแหน่งเดิม ทั้งๆ ที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการที่จะให้ พล.อ.วิทวัส มานั่งในตำแหน่งดังกล่าว ส่วนกรณีที่ พล.อ.เสถียร ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงรายละเอียดนั้น ก็มีการส่งสัญญาณไม่ให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งบัญชีโยกย้ายนายทหาร หากนายกรัฐมนตรีลงนามจะถือว่านายกรัฐมนตรีกระทำผิดไปด้วย ทั้งนี้รายละเอียดในข้อกฎหมายจะต้องดูที่กรมเสมียนตรา อย่าไปดูรายละเอียดของกรมพระธรรมนูญ เนื่องจากมีหน้าที่ดูแลเรื่อง พ.ร.บ.พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง แต่ไม่ได้ดูแลเรื่องข้อบังคับระเบียบวินัยของทหารตามที่กรมเสมียนตราดูแลอยู่
“พล.อ.เสถียร มั่นใจในเรื่องข้อบังคับมาก พล.อ.อ.สุกำพล ไปสอบถามรายละเอียดที่กรมพระธรรมนูญซึ่งเป็นคนละประเด็น ดังนั้น การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 266 มาตรา 268 มาตรา 279 มาตรา280 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2551 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล พ.ศ.2551 รวมถึงระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วย ประมวลจริยธรรม พ.ศ.2551 พล.อ.อ.สุกำพล เข้าใจว่า ตัวเองเป็นทั้งสรรหา และ เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ ทั้งนี้หาก พล.อ.เสถียร มีการฟ้องร้องทางศาลก็จะชนะทุกศาล อย่างไรก็ตาม การจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหาร ตามระเบียบมีการกำหนด คือให้ส่งในวันที่ 3 ก.ย.ของทุกปี เพื่อตรวจสอบในรายละเอียด และก่อนวันที่ 10 ก.ย.จะต้องส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อนำกราบบังคมทูลฯ ต่อไป” แหล่งข่าว ระบุ
มีรายงานว่า สำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2555 ทาง ผบ.เหล่าทัพ ได้มีการส่งไปยังกองบัญชาการกองทัพไทยแล้ว เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ โดยที่ยังมีบางตำแหน่งยังไม่ลงตัวทางกองบัญชาการกองทัพไทย จึงได้ให้ทางเหล่าทัพ นำไปปรับแก้อีกครั้งหนึ่ง และนัดที่จะส่งให้กับทาง พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม อีกครั้งหนึ่ง สำหรับบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2555 โดยในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ พล.อ.เสถียร ได้จัดทำไว้ได้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ชาติ ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม และขยับ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผอ.สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน (ตท.11) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขยับเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.วินัย เปล่งวิทยา (ตท.12) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย (ตท.13) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหมที่ว่างลงในส่วนของกองทัพเรือ
ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขยับ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เสนาธิการทหาร ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลังจากที่ไม่สามารถผลักดันให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมได้ และขยับให้ พล.อ.วุฒินันทร์ ลีลายุทธ (ตท.13) รองเสนาธิการทหาร เป็นเสนาธิการทหาร ส่วน พล.ร.อ.ยุทธนา ฝักผลงาม และ พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข ยังคงนั่งในตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดตามเดิมเช่นกัน
ส่วนกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงนั่งตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ยังอยู่ในตำแหน่ง รองผู้บัญชาการทหารบกเดิม และขยับเพื่อน พล.อ.ชลวิชญ์ เพิ่มทรัพย์ (ตท.12) หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา ขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ส่วน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) แม่ทัพภาคที่ 1 ขยับขึ้นมาเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต (ตท.13) รอง เสนาธิการทหารบก ขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก โดยที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก นั่งในตำแหน่งเดิม
ในส่วนกองทัพเรือ พล.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เตรียมขยับรุ่นพี่ พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร (ตท.12) หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ และขยับเพื่อนร่วมรุ่น พล.ร.อ.ดำรงศักดิ์ ห้าวเจริญ (ตท.13) เสนาธิการทหารเรือ ขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมดันเพื่อน พล.ร.ท.จักรชัย ภู่เจริญยศ (ตท.13) รอง เสธ.ทร. ขยับมาเป็น เสนาธิการทหารเรือ เพื่อเป็นมันสมองของกองทัพเรือ ส่วนทาง พล.ร.อ.ฆนัท ทองพูล (ตท.12) ผบ.กองเรือยุทธการ ที่ตอนแรกมีกระแสข่าวว่าอาจถูกขยับขึ้นไปเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ แต่ทว่าเจ้าตัวขออยู่ในตำแหน่งเดิม ขณะที่ พล.ร.ต.บรรจบ ปรีชา (ตท.13) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ ที่เป็นลูกหม้อหน่วยนี้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยนาวิกโยธิน (ผบ.นย) คนใหม่
ขณะที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง (ตท.13) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์ (ตท.13) เสนาธิการทหารอากาศ ขยับเป็น รอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.อ.อ.ดิเรก พรหมประยูร (ตท.12) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพอากาศ ขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ พร้อมดัน พล.อ.ท.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ (ตท.14) ผบ.กรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ส่วน พล.อ.อ.ชนะ อยู่สถาพร (ตท.13) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพอากาศ ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และให้ พล.อ.ท.อารยะ งามประมวญ (ตท.13) รองเสนาธิการทหารอากาศ ขึ้นเป็น เสนาธิการทหารอากาศ