“อภิสิทธิ์” เรียกร้อง “ธาริต” แจงการทำงาน ศอฉ. เหตุรู้แนวปฏิบัติดีว่าใครเป็นต้นเหตุความรุนแรงช่วงแก๊งแดงเผาเมือง บอกจะขอดูดีเอสไอ เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ โฆษก ปชป. ขู่ “เฉลิม-ธาริต” พากันติดคุกหากกลั่นแกลง ย้ำ “มาร์ค-เทพเทือก” ไม่หนีแน่ ผู้นำฝ่ายค้านแนะรัฐบาลคุ้มครองเจ้าหน้าที่ปราบยาเสพติดเมืองคอน สงสัยปราบยาแต่ปัญหาและปริมาณไม่ลด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ให้สัมภาษณ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอเชิญไปให้ปากคำในวันที่ 27 ส.ค.นี้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ควบคุมความไม่สงบในช่วงปี 2553 ว่า เป็นกระบวนการต่อเนื่องซึ่งอยากให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะที่เป็นกรรมการใน ศอฉ.ออกมายืนยันความจริงที่ได้รับรู้และทราบถึงเจตนาของคนทำงานในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร เพราะทุกหน่วยงานพยายามระงับยับยั้งเหตุความวุ่นวาย และความวุ่นวายเกิดขึ้นจากไหน นายธาริตก็ทราบดี จุดยืนภาครัฐคือทำอย่างไรให้ความสงบ ความปกติกลับคืนสู่บ้านเมือง หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดความสูญเสีย สิ่งเหล่านี้นายธาริตรับทราบดี
ส่วนกรณีที่นายธาริตเคยระบุว่าดีเอสไอคือเครื่องมือของรัฐบาลนั้น ตนเห็นว่าหน่วยงานราชการเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในเชิงนโยบาย แต่ต้องไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง สิ่งเหล่านี้ต้องชัด ส่วนวันนี้ดีเอสไอกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองไปแล้วหรือไม่นั้น จะต้องดูวันที่ 27 สิงหาคมที่ดีเอสไอเชิญตนไปว่ามีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากที่เคยมีความเห็นรับรู้รับทราบเหตุการณ์ต่างๆ มากน้อยแค่ไหน
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมของดีเอสไอและรัฐบาลจะเป็นเรื่องที่สร้างความแตกแยกให้คนในประเทศเพราะรัฐบาลจงใจเร่งรัดเฉพาะคดีที่มีแนวโน้มว่าเจ้าหน้าที่รัฐอาจเกี่ยวข้องกับความสูญเสีย แต่คดี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทหาร ตำรวจ แม่ค้าสีลม และคนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตกลับไม่มีการพูดถึง โดยรัฐบาลพยายามละเลยเพราะคิดว่าไม่ใช่คนที่ต้องเอาใจ จึงมุ่งที่จะลบล้างปัญหาที่ตัวเองมีส่วนก่อขึ้นมาในอดีต เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งทำให้รัฐบาลเข้ามามีอำนาจ
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลเร่งทำ คือ ให้การเยียวยาจากการสูญเสียจนตัวเองได้เถลิงอำนาจ 7.75 ล้าน เอาเงินปิดปากไม่ใหคนเหล่านี้้เรียกร้องสิทธิ และพยายามกลับมาเล่นงานรัฐบาลชุดที่แล้วหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองและมวลชน จึงอยากย้ำว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นพรรคพร้อมพิสูจน์ความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังความสูญเสีย และความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่จากการเคลื่อนไหวของนักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่าไม่มีชายชุดดำ หรือชายชุดดำเป็นฝ่ายเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ก็ขอนำภาพชายชุดดำที่พกอาวุธสงครามแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งหลายคนถูกจับดำเนินคดีไปแล้ว อยากถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เคยได้ยืนเรื่องเหล่านี้หรือไม่
ทั้งนี้ พรรคขอเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามปกติ เพราะนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ไม่ขึ้นเครื่องบินหนีไปแน่นอน แต่ถ้าเร่งรัดโดยมีเจตนาเล่นงานนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เจ้าหน้าที่รัฐนั้น ตนเชื่อว่าทำไม่สำเร็จเพราะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไม่ได้ เนื่องจากในสำนวนของดีเอสไอก็ระบุชัดเกี่ยวกับชายชุดดำ มีคำรับสารภาพและความเชื่อมโยงในเหตุการณ์กับคนเสื้อแดง รวมทั้งยังมีการรายงานข่าวจากเอเชียไทม์ที่ระบุชัดถึงการเคลื่อนไหวของชายชุดดำในการใช้อาวุธสงคตรามในกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย ถ้ายังพยายามจะลบประวัติศาสตร์สุดท้ายจะเป็นจำเลยทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอด้วย
ขณะที่กรณีการสังหารผู้ช่วยผู้คุมเรือนจำนครศรีธรรมราช เนื่องจากไปขัดขวางกระบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำว่า รัฐบาลต้องคุ้มครองคนที่ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นความท้าทายที่รัฐต้องเร่งเข้าไปดู โดยตนสนับสนุนการทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดในเรือนจำ เพราะรัฐบาลของตนเป็นผู้เริ่มต้นมาตรการเหล่านี้ และทราบดีว่ามีผลประโยชน์มหาศาลจึงมีการต่อต้าน ซึ่งรัฐบาลต้องเข้มแข็งและให้ความมั่นใจ คุ้มครองคนปฏิบัติหน้าที่ โดยต้องมีความเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมาย
ทั้งนี้ยังเห็นว่าการวางนโยบายของรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการป้องกัน งานชุมชนกับการมีส่วนร่วม น้อยเกินไป เพราะจะเน้นหนักในเรื่องการจับกุมปราบปราม แต่ตนก็ยังแปลกใจว่ามีการนำเสนอข้อมูลในช่วงการอภิปรายงบประมาณว่า ปัญหายาเสพติดขณะนี้ราคายาเสพติดหรือการหายาเสพติดในท้องตลาด ไม่ได้สะท้อนว่าการปราบปรามของรัฐบาลลดปัญหายาเสพติดลง เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าเพราะอะไร ทั้งนี้หัวใจของการทำงานด้านนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการแถลงข่าวการจับกุมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากคิดว่าจะโหมทำช่วงใดช่วงหนึ่งแล้วปัญหาจะหมดไปเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาจะย้อนกลับมาใหม่