รองโฆษก ปชป. ร้องกรรมการสิทธิฯ เผยข้อมูลเหตุการณ์เสื้อแดงปี 52-53 ชี้มีการตั้งอนุกรรมการ 9 ชุด สรุปเสร็จแล้ว แต่ถูกปกปิดห้ามนำเสนอ สงสัยรับงานใครปิดปาก ชี้ชัดแดงละเมิดสิทธิผู้อื่น ฆาตกรรม “พล.อ.ร่มเกล้า” และทหารนายอื่น
วันนี้ (20 ส.ค.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลการสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงปี 2552-2553 ต่อสาธารณชน เนื่องจากมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 9 ชุด ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในกรรมการสิทธิฯ ทำให้ยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชน
ทั้งนี้ มีการสรุปผลจากอนุกรรมการชุดที่ศึกษากรณีเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ที่สี่แยกคอกวัว ซึ่งมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด มีข้อสรุปว่า ผู้ชุมนุมมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น ส่วนการดำเนินการของรัฐบาลเป็นการค่อยๆ รุกคืบปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสากล จึงเป็นการกระทำภายใต้อำนาจที่กฎหมายมอบให้ ไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เหตุระเบิดในที่ชุมนุมมีการวางแผนฆาตกรรม พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการ พล.ร.21 รอ. และทหารรายอื่น จึงเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญาฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่หลังเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีการจับกุมตัวชายชุดดำได้จำนวนหนึ่ง ขณะที่บางคนยังหลบหนีการจับกุมอยู่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่พบว่ามีรถตู้ขับมาส่งชายชุดดำไปยังที่เกิดเหตุด้วย อีกทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ก็ระบุชัดถึงการสอบสวนในช่วงเวลาดังกล่าวว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร โดยทั้งหมดอยู่ในกระบวนการยุติธรรม จึงขอเรียกร้องให้คนที่ทำหน้าที่ต้องเอาข้อเท็จจริงออกมา ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงตามอำนาจของรัฐบาล นักการเมืองมีสิทธิออกนโยบาย แต่ไม่มีสิทธิแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม จึงขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าโดยอิสระ ไม่ถูกแทรกแซง และให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างถึงที่สุด พร้อมกับเรียกร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ไม่ควรนิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ แต่ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดออกมา เพราะทราบว่าประธานอนุกรรมการแต่ละชุดต้องการให้ข้อมูลต่อสาธารณชน แต่กรรมการสิทธิฯ ชุดปัจจุบันไม่มีนโยบายให้ทำเช่นนั้น จึงขอตั้งข้อสงสัยว่ามีกรรมการสิทธิฯ รับงานใครมาหรือรับคำขอร้องจากใครหรือไม่ ถึงได้ไม่มีการแถลงผลการสืบสวนสอบสวนของอนุกรรมการที่กรรมการสิทธิฯ ตั้งขึ้นมา