จากโอลิมปิกส์เอเธนส์ถึงลอนดอน ความล้มเหลวของกระทรวงกีฬาฯ

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์ฤดูร้อนครั้งที่ 30 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ผ่านพ้นไปแล้ว นักกีฬาจากประเทศไทยคว้าได้ 2 เหรียญเงิน คือ แก้ว พงษ์ประยูร จากกีฬามวยสมัครเล่น และพิมศิริ ศิริแก้ว จากยกน้ำหนักหญิง และ 1 เหรียญทองแดงคือ ชนาธิป ซ้อนขำ จากเทควันโดหญิง

เทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกันแล้ว ต้องถือว่า ประเทศไทยเป็นที่หนึ่ง เพราะได้เหรียญรางวัลมากที่สุด ในขณะที่เพื่อนบ้านคือ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ได้ประเทศละ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ส่วนสิงคโปร์ 2 เหรียญทองแดง

แต่เมื่อย้อนกลับไปดูผลงานในกีฬาโอลิมปิกส์ของนักกีฬาไทย ครั้งก่อนหน้านี้ ถือว่า สอบตก เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ที่ไทยไม่ได้เหรียญทองแม้แต่เหรียญเดียวในกีฬาโอลิมปิกส์

โอลิมปิกส์ที่แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1996 เป็นครั้งแรกที่ไทยได้เหรียญทอง จากสมรักษ์ คำสิงห์ ในกีฬามวยสมัครเล่น และหนึ่งเหรียญทองแดง จากวิชัย ขัดโพธิ์ มวยสมัครเล่นเช่นกัน

กีฬาโอลิมปิกส์ครั้งต่อๆ มา อีก 3 ครั้ง ทัพนักกีฬาไทยไม่เคยขาดเหรียญทอง โอลิมปิกส์ปี 2000 ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ไทยได้ 1 เหรียญทองจากมวย 2 เหรียญทองแดง จากมวยและยกน้ำหนักหญิง

โอลิมปิกส์ปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ไทยได้ 3 เหรียญทอง จากมวย 1 เหรียญ และยกน้ำหนักหญิง 2 เหรียญ 1 เหรียญเงินจากมวย และอีก 4 เหรียญทองแดง จากยกน้ำหนักหญิง 2 เหรียญ มวยและเทควันโดหญิงอย่างละ 1 เหรียญ

โอลิมปิกส์ที่ปักกิ่ง ปี 2008 ไทยได้ 2 เหรียญทอง จากมวยและยกน้ำหนักหญิง 2 เหรียญเงินจากมวยและเทควันโดหญิง

ผลงานในโอลิมปิกส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน จึงเป็นดัชนีชี้ความล้มเหลว ไม่ใช่ความล้มเหลวของนักกีฬาไทยเป็นรายบุคคลหรือทีม แต่เป็นความล้มหลวของผู้บริหารงานด้านการกีฬาของชาติ นับตั้งแต่สมาคมกีฬาต่างๆ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย และที่ล้มเหลวมากที่สุด คือ กระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา ที่มีนายชุมพล ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการ มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ในรัฐบาลชุดที่แล้ว จนถึงรัฐบาลนี้ นับเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง และก่อนหน้านั้น ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาคือ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ซึ่งมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นตัวแทนของนายบรรหาร ศิลปอาชาเช่นกัน

ต้องถามว่า สามปีครึ่งที่ผ่านมา นายชุมพลทำอะไรบ้าง ในการพัฒนาวงการกีฬาของไทย

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2545 จากนโยบายตัดต่อ ควบรวมส่วนราชการของรัฐบาลทักษิณ โดยรวมหน่วยงานด้านท่องเที่ยวคือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานด้านกีฬาคือ กรมพลศึกษา และการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าด้วยกัน มีรัฐมนตรีคนแรกคือ นายสนธยา คุณปลื้ม ซึ่งขณะนั้น ยังสังกัดพรรคชาติไทย

นับตั้งแต่ประเทศไทยมีกระทรวงด้านกีฬา จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับการกีฬาของชาติ คือ ความตกต่ำ จะเห็นได้จาก ผลงานการแข่งขันกีฬาทัวร์นาเมนท์ทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะพ่ายแพ้กลับมา ไปไม่ถึงที่หนึ่งสักที จนคนไทยต้องปรับตัว ลดระดับความคาดหวัง ได้เหรียญทองแดง หรือได้เข้ารอบสุดท้ายก็รู้สึกว่า เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินแล้ว

สำหรับกีฬาโอลิมปิกส์ นับตั้งแต่มีกระทรวงกีฬาเกิดขึ้นมา เหรียญรางวัลที่นักกีฬาไทยเคยได้ก็ลดลงทุกปี ไม่เพียงแต่กีฬาโอลิมปิกส์ท่านั้น การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ก็เช่นกันที่ นับวันทัพนักกีฬาไทย จะถอยหลังเข้าคลอง ตกต่ำลงไปเรือยๆ

การแข่งขัน เอเชียนเกมส์ เมื่อปี 1998 ( พ.ศ.2541 ) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นักกีฬาไทย คว้าเหรียญทองได้ 24 เหรียญ เหรียญเงิน 26 เหรียญ และเหรียญทองแดง 40 เหรียญ

เอเชียนเกมส์ปี 2002 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่มีการตั้งกระทรวงกีฬาฯ ไทยได้ 14 เหรียญทอง 19 เหรียญเงิน และ 10 เหรียญทองแดง ครั้งต่อมาที่กาตาร์ ไทยได้ 13 เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน และ26 เหรียญทองแดง

ครั้งล่าสุด ที่นครกวางโจว ประเทศจีน เหรียญทองของไทยลดลงมาเหลือแค่ 11 เหรียญ ส่วนเหรียญเงินได้เพียง 9 เหรียญ

ถ้าไม่เรียกว่า เป็นความตกต่ำและความล้มเหลวของการกีฬาไทยที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของพรรคชาติไทยพัฒนา จะเรียกกว่าอะไร

เรื่องงบประมาณสนับสนุนการกีฬามักจะถูกยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้กีฬาไทยไม่พัฒนาเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละปี กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้รับงบประมาณในส่วนของกีฬาประมาณปีละ 3-4 พันล้านบาท ถึงจะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย สิบปีที่ผ่านมา รวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท

โอลิมปิกส์ลอนดอนที่เพิ่งจบไป นักกีฬาไทย แม้ไม่ได้เหรียญทองเลยสักเหรียญ แต่ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับนักกีฬาชาติอื่นๆ ไม่น้อย เพราะนักกรีฑาของเราไปแข่งโดยไม่มีโค้ช และนักยิงปืนไม่มีกระสุนซ้อม เพราะสมาคมต้นสังกัดไม่มีงบฯ ให้

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้รับงบประมาณ 19,000 ล้านบาท สำหรับแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ ปี 2553-2559 โดยตั้งเป้าหมายว่า เอเชี่ยนเกมส์ที่จีนจะต้องได้เหรียญทอง 19 เหรียญ โอลิมปิกส์ 2012 จะต้องได้ 7 เหรียญทอง เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ จะต้องได้ 25 เหรียญทอง และกีฬาโอลิมปิกส์ 2016 ที่บราซิล จะต้องได้ 15 เหรียญทอง

ทั้งผลการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ที่จีน ซึ่งไทยได้เหรียญทองต่ำกว่าเป้าถึง 8 เหรียญ และโอลิมปิกส์ที่ลอนดอน ที่ไม่ได้เหรียญทองเลย คือคำตอบที่อธิบายได้ชัดเจนว่า ความล้มเหลวของรักกีฬาไทย ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน แต่เป็นเพราะ นักการเมืองที่มีอำนาจในกระทรวงกีฬาฯ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพัฒนาการกีฬาของชาติ สนใจแต่เรื่องจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อกินส่วนแบ่งเท่านั้น