“นายกฯปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จำนวน 73.28 ล้านบาท ให้แก่เหล่าฮีโรมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ลอนดอนเกมส์ และ เอเชียนบีชเกมส์ 2012 ที่ไห่หยาง หลังสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย
เมื่อคืนวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย เดินทางมาในงานเลี้ยงต้อนรับคณะนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และนักกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่เมืองไห่หยาง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้ใหญ่ในวงการกีฬา ทั้ง “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธาน และเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) รวมทั้ง “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬา
โดย คณะนักกีฬาโอลิมปิก ที่ได้เหรียญเงินจาก แก้ว พงษ์ประยูร (มวยสากลสมัครเล่น) และ พิมศิริ ศิริแก้ว (ยกน้ำหนัก) ได้เงินอัดฉีดแบ่งเป็นเงินสด และค่าครองชีพรายเดือนจำนวนคนละ 6 ล้านบาท (แบ่งเป็นเช็คเงินสด 3 ล้านบาท และค่าครองชีพรายเดือน 3 ล้านบาท ภายในเวลา 5 ปี) ส่วน ชนาธิป ซ้อนขำ (เทควันโด) รับไป 4 ล้านบาท (แบ่งเป็นเช็คเงินสด 2 ล้านบาท และค่าครองชีพรายเดือน 2 ล้านบาท ภายในเวลา 5 ปี) ทั้งนี้ “นายกฯปู” ยังได้มอบเงินอัดฉีด และโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ทั้ง 16 สมาคมกีฬา ที่มีนักกีฬา 37 คนไปแข่งลอนดอนเกมส์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46.64 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เงินอัดฉีดที่ฮีโร “ลอนดอนเกมส์” ได้รับจริงรวมจากภาคเอกชน ตอนนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 20-23 ล้านบาท เหรียญทองแดง 9-10 ล้านบาท ส่วนเงินสนับสนุน เอเชียนบีชเกมส์ ที่มอบให้แก่นักกีฬา 88 คน อีกจำนวน 26.64 ล้านบาท ด้วย
ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายในงานว่า “ขอขอบคุณความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่าย นี่ถือเป็นเกียรติประวัติ ความสำเร็จ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่คนไทยทั้งชาติ ต้องถือว่านักกีฬาทุกท่านเสียสละ ขยันหมั่นเพียร ผู้ฝึกสอนร่วมกันฝึกอย่างใกล้ชิด สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันกีฬาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งนี้ ต้องขอบคุณสมาคมและนักกีฬาโอลิมปิกที่ได้มา 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง แม้ไม่ได้เหรียญทอง แต่เราได้แสดงฝีมือและสปิริตให้แก่ชาวไทยและคนทั้งโลกได้เห็นแล้ว”
“ส่วนนักกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ก็ได้แสดงความสามารถออกมาเช่นกัน จากการคว้า 13 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง รั้งอันดับ 2 เป็นรองแค่เจ้าภาพจีน ซึ่งถ้าเราได้ร่วมกันพัฒนา มีโอกาสต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนวงการกีฬาเต็มที่ ในการสร้างนักกีฬาให้มีความแข็งแรง ก้าวสู่ความเป็นเลิศ ทั้งนี้ ก็อยากเชิญชวนภาคเอกชนให้ร่วมกันสนับสนุนวงการกีฬา เพราะความสำเร็จไม่ได้เกิดจากเพียงตัวนักกีฬา และผู้ฝึกสอนเท่านั้น โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนใช้เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพต่อไปด้วย” นายกฯปู กล่าว และกล่าวต่อว่า
“สำหรับผลงานต่างๆ ถือเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศ เป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชนของชาติ เป็นแรงบันดาลใจให้นักกีฬาฝึกซ้อม ที่สำคัญ เรื่องของระเบียบวินัย ขอชื่นชมนักกีฬาที่ทำหน้าที่ได้เหมาะสม สมศักดิ์ศรี แม้ไม่ได้เป็นผู้ชนะทุกประเภท แต่ด้วยความมีสปิริต เชื่อว่าทุกท่านได้รับเหรียญทองจากคนไทยทั้งประเทศ จงอย่าหยุดยั้ง ฝึกซ้อมต่อเพื่อมุ่งสู่ครั้งหน้า ขอให้กำลังใจนักกีฬาและผู้ฝึกสอน ขอบคุณทุกภาคส่วนรัฐและเอกชนให้ประสบความสำเร็จ ร่วมกันพัฒนากีฬาของชาติให้ทัดเทียมนานาประเทศต่อไป” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทิ้งท้าย
ด้าน แก้ว พงษ์ประยูร นักชกร่างเล็กที่พลาดเหรียญทอง “ลอนดอนเกมส์” ไปอย่างน่าเสียดาย กล่าวในงานด้วยว่า “ตอนนี้ผมอยากขอเวลาพักผ่อนอีกสักระยะ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุ่มเทฝึกซ้อมเตรียมตัวอย่างมาก เมื่อเสร็จภารกิจ จึงอยากให้เวลากับครอบครัว ภรรยาและลูก แล้วค่อยคิดกันต่อว่าจะทำอะไรต่อไป ถ้าไม่ต่อยมวยแล้ว อาจผันตัวเองเป็นโค้ช นำวิชาความรู้ถ่ายทอดให้แก่รุ่นน้อง ครั้งนี้ผมทำหน้าที่เต็มที่แล้ว จริงๆ แม้ได้เหรียญเงินมาก็ต้องยอมรับ สุดท้ายขอขอบคุณทุกกำลังใจของคนไทยในการตามเชียร์ผม และนักกีฬาไทยทุกคนในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้”
ขณะที่ “น้องแต้ว” พิมศิริ กล่าวเช่นกันว่า “ตอนนี้ก็ต้องกลับไปฝึกซ้อมกันต่อ อยากให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เพื่อพิสูจน์ฝีมือต่อไปในโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศบราซิล ในอีก 4 ปีข้างหน้า ส่วนอนาคตในการรับราชการทหาร ตอนนี้ผู้ใหญ่ในกองทัพได้รับปากไว้แล้ว ขอให้เรียนจบก่อนเท่านั้น”
ส่วน “น้องเล็ก” ชนาธิป ทิ้งท้ายว่า “ที่ผ่านมา มุ่งมั่นฝึกซ้อมเต็มที่ หวังนำเหรียญรางวัลกลับมายังประเทศไทย ซึ่งก็ทำสำเร็จ จากนี้คงต้องมุ่งมั่นฝึกซ้อมเหมือนเดิม ยังอยากเล่นเทควันโด อยากไปแก้ตัวในโอลิมปิกเกมส์อีก 4 ปีข้างหน้า”