ASTVผู้จัดการรายวัน-"น้องเล็ก" ชนาธิป ซ้อนขำ เจ้าของเหรียญทองแดงเทควันโดรุ่น 49 กก.หญิง จากศึกโอลิมปิกเกมส์ 2012 "ลอนดอนเกมส์" ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สดร้อนๆ ยืนยันยังไม่ลดละความฝันที่จะไล่เหรียญทอง โดยตั้งเป้าต่อเนื่องไปที่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2016 ประเทศบราซิล ขณะที่ "เจ้าไอ" เป็นเอก การะเกตุ จอมเตะรูปหล่อที่พลาดคว้าเหรียญทองแดงรุ่น 58 กก.ชาย ในวินาทีสุดท้าย รับสภาพอาจถึงเวลาต้องเปิดโอกาสให้รุ่นน้องขึ้นมารับใช้ชาติ ขณะที่เจ้าตัวยอมรับมีค่ายหนังจีบเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว
ทีมเทควันโดไทยประเดิมผลงานวันแรกในศึกลอนดอนเกมส์ด้วยการคว้ามาได้ 1 เหรียญทองแดงจากชนาธิป ซ้อนขำ ในรุ่น 49 กก.หญิงหลังจากเอาชนะเอลิซาเบธ กอร์ดิลโล จากกัวเตมาลา 13-4 คะแนน ขณะที่ เป็นเอก การะเกตุ ที่ผ่านทะลุเข้าถึงรอบชิงเหรียญทองแดงได้สำเร็จกลับต้องพลาดท่าพ่ายออสการ์ โอเบียโด คู่แข่งจากโคลัมเบียไปแบบเฉียดฉิว 4-6 คะแนน
ซึ่งหลังคว้าเหรียญทองแดงมาคล้องคอ รวมถึงเป็นเหรียญรางวัลที่ 2 ของทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิก 2012 ได้สำเร็จ "น้องเล็ก" ชนาธิป ซ้อนขำ จอมเตะสาวจากจังหวัดพัทลุงเผยว่า "เหรียญทองแดงนี้เล็กขอมอบให้กับคุณพ่อคุณแม่และคนไทยทั้งประเทศ และขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมกับความสำเร็จนี้ทั้งนายกสมาคมเทควันโดฯ ,โค้ชเช ยอง ซอง ทีมสตาฟโค้ช และแฟนกีฬาชาวไทยที่อดนอนเพื่อรอลุ้นผลงานของเล็กและทีมเทควันโดทุกคนในคืนนี้"
พร้อมกันนี้ ชนาธิป วัย 21 ปียังเผยถึงเป้าหมายต่อไปของตัวเองว่า "จริงๆแล้วต้องบอกว่ารู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราพลาดเองในช่วงท้ายของรอบรอบชนะเลิศที่พ่ายคู่แข่งจากสเปนไป 9-10 คะแนน จากนี้ไปเล็กเองคงต้องตั้งตาฝึกซ้อมและไล่ตามความฝันของตัวเองโดยมีเหรียญทองโอลิมปิกที่บราซิลเป็นเป้าหมาย" ส่วนเรื่องของเงินอัดฉีดที่เบื้องต้นเจ้าตัวจะได้รับเงินจำนวน 3 ล้านบาทนั้นน้องเล็กเผยว่าเงินทั้งหมดจะนำไปให้พ่อกับแม่ต่อไปเพื่อครอบครัวต่อไป
ส่วนฝั่งของ "เจ้าไอ" เป็นเอก การะเกตุ จอมเตะหน้าหยกที่พลาดท่าพ่ายในรอบชิงทองแดง ออสการ์ โอเบียโด ชนิดที่ช็อกแฟนกีฬาชาวไทยทั้งสนามเอ็กเซลเซนเตอร์ เนื่องจากไอเตะทำแต้มขึ้นนำในช่วงท้ายถูกฝั่งของโคลัมเบียประท้วง ซึ่งผลออกมาเป็นฝั่งของโคลัมเบียที่ได้ประโยชน์ ทำให้ว่าที่บัณฑิตใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องพลาดคว้าเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าอาจถึงเวลาที่ต้องเปิดโอกาสให้รุ่นน้องขึ้นมารับใช้ชาติ
โดยเป็นเอกเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "วันนี้ไม่ใช่วันของผม ผมพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะเอาเหรียญไปฝากพ่อแม่และประเทศไทยแต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ดีนี่คือเรื่องของเกมกีฬา ส่วนเรื่องอนาคตหลังจากนี้ ผมอาจจะรับใช้ชาติต่ออีกสักระยะ แต่หากมีนักกีฬารุ่นน้องที่ก้าวขึ้นมาผมคิดว่าก็จำเป็นที่จะต้องเปิดทางให้" พร้อมกันนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตที่อาจหันไปเอาดีทางวงการบันเทิงนั้นเจ้าตัวยอมรับว่า "ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต ที่ผ่านมามีผู้กำกับรวมถึงค่ายภาพยนตร์ติดต่อเข้ามาเหมือนกัน ซึ่งหากโอกาสนั้นมาถึงอีกผมเองก็พร้อมที่จะพิจารณา"