นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมทำเรื่องเสนอ “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อขออนุมัติเงินรางวัลที่จะมอบให้นักกีฬาที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2012 คาดว่า จะเป็นวันที่ 14 สิงหาคมนี้
ที่รัฐสภา เมื่อช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม 2555 นายชุมพล ศิลปอาชา ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อถึงคณะนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน “ลอนดอนเกมส์” โดย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รู้สึกพึงพอใจกับผลงานนักกีฬาทุกคน โดยเฉพาะเทควันโด ซึ่งตนได้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันอยู่ด้วยและก็รู้สึกเสียดาย คงต้องรอลุ้นอีกเหรียญจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น (แก้ว พงษ์ประยูร)
โดย “บิ๊กชุมพล” ชื่นชมนักกีฬาไทยแข่งขันกันอย่างเต็มที่ แต่อีกอย่างคู่แข่งมีความเข้มแข็งกว่า เช่น เทควันโด (ชนาธิป ซ้อนขำ) เรานำคู่แข่งจากสเปนมาตลอด แต่น่าเสียดายที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะลีลาในการแข่งขันแล้วของเราเหนือกว่า ทั้งนี้ ตนขอแสดงความยินดีโดยไม่จำเป็นต้องได้เหรียญอะไรหรือไม่ จากนี้คงต้องลุ้นจากมวย ซึ่งเชื่อว่ามีสิทธิเข้าชิง อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะคนไทยเชียร์เต็มที่และขอให้ได้เหรียญ
นอกจากนี้ นายชุมพล ยังเปรยถึงเรื่องการมอบเงินอัดฉีดให้ฮีโรโอลิมปิก ว่า “ผมจะทำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติเงินรางวัลให้แก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญกลับมา ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกองทุนพัฒนากีฬาอยู่แล้ว เมื่อนักกีฬาเดินทางกลับมาก็จะมีพิธีมอบกันต่อไป โดยกำหนดวางไว้คร่าวๆ หากในวันที่ 14 ส.ค.นายกรัฐมนตรีไม่ติดภารกิจใด ก็จะให้มีพิธีมอบในวันดังกล่าว ส่วนจำนวนเงินได้เหรียญละเท่าไหร่นั้นก็เป็นไปตามกติกา”
เมื่อถูกนักข่าวกระแซะถามเรื่องการคว้าเหรียญ “ลอนดอนเกมส์” กลับมาน้อยถือว่าล้มเหลวหรือไม่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ตอกกลับว่า “ผมไม่คิดเช่นนั้น เพราะทุกคนทุกฝ่ายได้พยายามเต็มที่ แม้แต่สมาคมยกน้ำหนักที่จากเดิมดูเหมือนว่าจะมีปัญหา ทว่า เมื่อช่วยกันแก้ปัญหาแล้วก็สามารถแข่งขันจนได้เหรียญรางวัลกลับมาได้ ซึ่งก็เป็นที่พอใจที่ได้เหรียญเงิน ขณะที่การพัฒนานักกีฬาไทย เราคงต้องพัฒนาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนกับนักกีฬาของจีน โดยส่งเสริมเยาวชนให้เข้าเรียนโรงเรียนกีฬาของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เหมือนปัจจุบันที่นักกีฬา ส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนกีฬาและสถาบันพลศึกษา ซึ่งการพัฒนานักกีฬาตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม ทางกระทรวงได้เตรียมแผนพัฒนาไว้อยู่แล้ว หากได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างเต็มที่ ก็คงจะสามารถพัฒนานักกีฬาไทยได้อย่างเต็มที่เช่นกัน”
อีกทั้ง “บิ๊กชุมพล” ยังพูดถึงกรณี “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แสดงความไม่พอใจผลงานของทัพนักกีฬาไทยและจะพูดคุยกับสมาคมกีฬาต่างๆ เพื่อปรับปรุงการทำงานนั้น “เรื่องนี้ก็แล้วแต่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หากมีแนวทางใดก็สามารถเสนอแนะมาได้ เพราะกระทรวงกีฬามีหน้าที่ผลิตนักกีฬา แต่ผู้ที่ดูแลนักกีฬาคือสมาคม ส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทยมีหน้าที่สนับสนุนงบประมาณ และผู้มีหน้าที่บริหารจัดการคือคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ดังนั้นจะเห็นว่าระบบการบริหารงานยังแยกกันออกเป็นส่วนๆ จึงต้องได้รับการบูรณาการและดูแลให้อยู่ที่เดียวกัน”
ส่วนเรื่องต้องมีการสังคายนา สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย หรือไม่ นายชุมพล ชี้แจงว่า “อำนาจในการสังคายนาตามกฎหมายกระทรวงจะทำอะไรไม่ได้ เว้นแต่มีการทำผิดข้อบังคับของสมาคม เพราะทุกอย่างเป็นอำนาจของสมาคม และการจะส่งนักกีฬาลงแข่งขันหรือไม่ก็เป็นอำนาจของสมาคม แต่ก็ถือประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศชาติเป็นหลักก่อน”
สุดท้าย นายชุมพล ตอบคำถามถึงแผนการพัฒนานักกีฬาทีมชาติไทย ว่า จะมีความคืบหน้า และทำได้เต็มที่ได้เมื่อไหร่อนั้น “ขณะนี้เรากำลังรอการออกกฎหมาย พ.ร.บ.กีฬาฯ ที่จะเข้าสภาในเร็วๆ นี้ โดยในกฎหมายดังกล่าว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เสนอแนะระบบการจัดการสมาคมและองค์กรต่างๆ เลียนแบบมาจากระบบการจัดการของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถ้ากฎหมายนี้ผ่านทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ซึ่งนายกิตติรัตน์ ก็ได้รับปากแล้วว่าจะหางบประมาณมาสนับสนุนเรื่องการพัฒนาการกีฬาของไทย ขอลอตเตอร์รี่สักสองงวดเอาเงินมาพัฒนาการกีฬาไทย ซึ่งท่านรองกิตติรัตน์ท่านรับปากแล้ว แต่ว่าจะได้เมื่อไหร่คงต้องรอดูกันอีกที”
ที่รัฐสภา เมื่อช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม 2555 นายชุมพล ศิลปอาชา ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อถึงคณะนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน “ลอนดอนเกมส์” โดย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รู้สึกพึงพอใจกับผลงานนักกีฬาทุกคน โดยเฉพาะเทควันโด ซึ่งตนได้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันอยู่ด้วยและก็รู้สึกเสียดาย คงต้องรอลุ้นอีกเหรียญจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น (แก้ว พงษ์ประยูร)
โดย “บิ๊กชุมพล” ชื่นชมนักกีฬาไทยแข่งขันกันอย่างเต็มที่ แต่อีกอย่างคู่แข่งมีความเข้มแข็งกว่า เช่น เทควันโด (ชนาธิป ซ้อนขำ) เรานำคู่แข่งจากสเปนมาตลอด แต่น่าเสียดายที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะลีลาในการแข่งขันแล้วของเราเหนือกว่า ทั้งนี้ ตนขอแสดงความยินดีโดยไม่จำเป็นต้องได้เหรียญอะไรหรือไม่ จากนี้คงต้องลุ้นจากมวย ซึ่งเชื่อว่ามีสิทธิเข้าชิง อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะคนไทยเชียร์เต็มที่และขอให้ได้เหรียญ
นอกจากนี้ นายชุมพล ยังเปรยถึงเรื่องการมอบเงินอัดฉีดให้ฮีโรโอลิมปิก ว่า “ผมจะทำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติเงินรางวัลให้แก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญกลับมา ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกองทุนพัฒนากีฬาอยู่แล้ว เมื่อนักกีฬาเดินทางกลับมาก็จะมีพิธีมอบกันต่อไป โดยกำหนดวางไว้คร่าวๆ หากในวันที่ 14 ส.ค.นายกรัฐมนตรีไม่ติดภารกิจใด ก็จะให้มีพิธีมอบในวันดังกล่าว ส่วนจำนวนเงินได้เหรียญละเท่าไหร่นั้นก็เป็นไปตามกติกา”
เมื่อถูกนักข่าวกระแซะถามเรื่องการคว้าเหรียญ “ลอนดอนเกมส์” กลับมาน้อยถือว่าล้มเหลวหรือไม่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ตอกกลับว่า “ผมไม่คิดเช่นนั้น เพราะทุกคนทุกฝ่ายได้พยายามเต็มที่ แม้แต่สมาคมยกน้ำหนักที่จากเดิมดูเหมือนว่าจะมีปัญหา ทว่า เมื่อช่วยกันแก้ปัญหาแล้วก็สามารถแข่งขันจนได้เหรียญรางวัลกลับมาได้ ซึ่งก็เป็นที่พอใจที่ได้เหรียญเงิน ขณะที่การพัฒนานักกีฬาไทย เราคงต้องพัฒนาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนกับนักกีฬาของจีน โดยส่งเสริมเยาวชนให้เข้าเรียนโรงเรียนกีฬาของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เหมือนปัจจุบันที่นักกีฬา ส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนกีฬาและสถาบันพลศึกษา ซึ่งการพัฒนานักกีฬาตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม ทางกระทรวงได้เตรียมแผนพัฒนาไว้อยู่แล้ว หากได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างเต็มที่ ก็คงจะสามารถพัฒนานักกีฬาไทยได้อย่างเต็มที่เช่นกัน”
อีกทั้ง “บิ๊กชุมพล” ยังพูดถึงกรณี “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แสดงความไม่พอใจผลงานของทัพนักกีฬาไทยและจะพูดคุยกับสมาคมกีฬาต่างๆ เพื่อปรับปรุงการทำงานนั้น “เรื่องนี้ก็แล้วแต่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หากมีแนวทางใดก็สามารถเสนอแนะมาได้ เพราะกระทรวงกีฬามีหน้าที่ผลิตนักกีฬา แต่ผู้ที่ดูแลนักกีฬาคือสมาคม ส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทยมีหน้าที่สนับสนุนงบประมาณ และผู้มีหน้าที่บริหารจัดการคือคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ดังนั้นจะเห็นว่าระบบการบริหารงานยังแยกกันออกเป็นส่วนๆ จึงต้องได้รับการบูรณาการและดูแลให้อยู่ที่เดียวกัน”
ส่วนเรื่องต้องมีการสังคายนา สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย หรือไม่ นายชุมพล ชี้แจงว่า “อำนาจในการสังคายนาตามกฎหมายกระทรวงจะทำอะไรไม่ได้ เว้นแต่มีการทำผิดข้อบังคับของสมาคม เพราะทุกอย่างเป็นอำนาจของสมาคม และการจะส่งนักกีฬาลงแข่งขันหรือไม่ก็เป็นอำนาจของสมาคม แต่ก็ถือประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศชาติเป็นหลักก่อน”
สุดท้าย นายชุมพล ตอบคำถามถึงแผนการพัฒนานักกีฬาทีมชาติไทย ว่า จะมีความคืบหน้า และทำได้เต็มที่ได้เมื่อไหร่อนั้น “ขณะนี้เรากำลังรอการออกกฎหมาย พ.ร.บ.กีฬาฯ ที่จะเข้าสภาในเร็วๆ นี้ โดยในกฎหมายดังกล่าว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เสนอแนะระบบการจัดการสมาคมและองค์กรต่างๆ เลียนแบบมาจากระบบการจัดการของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถ้ากฎหมายนี้ผ่านทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ซึ่งนายกิตติรัตน์ ก็ได้รับปากแล้วว่าจะหางบประมาณมาสนับสนุนเรื่องการพัฒนาการกีฬาของไทย ขอลอตเตอร์รี่สักสองงวดเอาเงินมาพัฒนาการกีฬาไทย ซึ่งท่านรองกิตติรัตน์ท่านรับปากแล้ว แต่ว่าจะได้เมื่อไหร่คงต้องรอดูกันอีกที”