ปลอดประสพ กรรมเสือโคร่งตามหลอนจบไม่สวย!?

ผ่าประเด็นร้อน

ไมน่าเชื่อว่าจู่ๆ คดีทุจริตต่อหน้าที่ มีความผิดร้ายแรง ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิด ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ และส่งเรื่องให้ทางอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง และในที่สุดทางอัยการสูงสุดก็ได้เห็นพ้องสั่งฟ้องไปตั้งแต่เมื่อราว 1-2 ปีก่อน

ก็น่าแปลกใจว่าทำไมเรื่องถึงได้เงียบหายไปนาน และกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกรอบเมื่อ ผู้อำนวยการสำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ชื่อ สมัคร ดอนนาปี เข้าทวงถามความคืบหน้าคดีส่งเสือโคร่งเบงกอลไปประเทศจีนเมื่อหลายปีก่อน กับอัยการสูงสุด

ต่อมาจากการแถลงของ วินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ยืนยันว่าคดีดังกล่าวทางอัยการสูงสุดได้เห็นสั่งฟ้องไปแล้ว และอยู่ระหว่างนัดหมายกับ ป.ป.ช.เพื่อนำตัว ปลอดประสพมาให้อัยการสั่งฟ้อง

แม้ว่าจะดูเหมือนว่าจะมีการโยนกันไปมาจนเรื่องยืดเยื้อแทบจะเงียบหายไปแล้ว เพราะถ้านับเรื่องราวที่ผ่านมานานถึง 5 ปี และจากคำแถลงของฝ่ายอัยการก็ทราบว่ามีการสั่งฟ้องปลอดประสพไปตั้งแต่ เมื่อ 1-2 ปีก่อน แล้วก็เงียบหายไปในที่สุด

แต่อาจเป็นเพราะวิญญาณเสือโคร่งเบงกอลมันเฮี้ยนหรือเปล่าไม่อาจทราบได้ ทำให้คดีดังกล่าวกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง และคราวนี้ทำท่าจะต้องเดินหน้าเป็นไฟต์บังคับ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเดินตาม เพราะล่าสุดทางปปช.ก็ได้ยืนยันแล้วว่าจะไปหารือร่วมกับอัยการสูงสุดว่าส่งฟ้อง ปลอดประสพ อย่างไร เมื่อไร ต้องมีความชัดเจนออกมาแน่นอน

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าก็ต้องย้อนกลับมาพิจารณาถึงเส้นทางเรื่องดังกล่าวที่กลับมาปะทุจนทำให้กระทบกับ ปลอดประสพเข้าอย่างจังจนได้

เรื่องของเรื่องแม้จะดูเหมือนสลับซับซ้อน พัวพันกับการเมือง และความขัดแย้งไม่กินเส้นกันภายในก็ตาม แต่ถ้ารวบยอดเอาเฉพาะการทำความผิดและพัวพันไปถึงกลุ่มทุนการเมืองก็เข้าใจได้ไม่ยาก

เริ่มจากกรณีที่มีการเคลื่อนไหวของ ดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำกำลังบุกเข้ารื้อรีสอร์ตที่ระบุว่าบุกรุกพื้นที่อุทยานฯทับลานรวม 9 แห่งและหนึ่งในนั้นมีรีสอร์ตขนาดใหญ่ที่ชื่อ “บ้านทะเลหมอก” รวมอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าของได้ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนนำมาสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และมีรายงานว่า ปลอดประสพมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในคณะกรรมการสอบสวน นายพิเดช ดังกล่าวด้วย

ขณะที่ กรณีของสมัครนั้น ปลอดประสพอ้างว่า มีความไม่พอใจตัวเขามาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ เนื่องจาก สมัคร ถูกย้ายออกจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยป้องกันไฟป่า ส่วน ปลอดประสพ นั้นเมื่อครั้งที่เป็นอธิบดีกรมป่าไม้เคยทำท่าจะรื้อถอนรีสอร์ตที่นั่นมาแล้วเมื่อปี 2543 แต่ก็หยุดไปดื้อๆ โดยต่อมาเจ้าของรีสอร์ตดังกล่าวมาอ้างในทำนองว่า ปลอดประสพให้เช่าดำเนินการ ซึ่งเขาปฏิเสธเพราะรู้ว่าทำแบบนั้นมันผิดกฎหมาย แต่ยังพูดแบบกำกวมโยงไปถึงร้านอาหาร ในพื้นที่อุทยานทั่วประเทศที่เปิดให้เช่า โดยย้ำว่าถ้าผิดก็ต้องผิดฐานละเว้นกันทั้งหมด ซึ่งหมายถึงใครถ้าไม่ใช่ดำรงค์ พิเดช เพียงแต่ไม่ระบุตรงๆเท่านั้น

หากพิจารณาจากที่มาที่ไป และรู้ทันก็ต้องบอกว่างานนี้ มีเรื่องทุนการเมือง ผลประโยชน์ และความขัดแย้งไม่พอใจระหว่างข้าราชการและนักการเมืองเชื่อมโยงกันนุงนัง แต่เอาเป็นว่า ต้องพิจารณาจากความถูกผิด และการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้ถือว่า ปลอดประสพ อยู่ในฐานะลำบาก เพราะแม้ว่าในเวลานี้จะเป็นสมัยประชุมมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง แต่ก็เป็นแค่ชั่วคราว และในที่สุดคดีก็ต้องเดินหน้า เพราะทั้ง ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดได้เห็นพ้องกันแล้วว่าต้องสั่งฟ้อง และที่สำคัญดูตามรูปการณ์แล้วงานนี้ ปลอดประสพมีความขัดแย้งกับ ดำรงค์ พิเดช ซึ่งก็ต้องไม่ลืมว่าคนอย่าง ดำรงค์ ก็มีแบ็กดีเหมือนกันโดยเฉพาะกับ “ขาใหญ่” เชียงราย อย่าง ยงยุทธ ติยะไพรัช เอ่ยชื่อแค่นี้ก็น่ามองภาพออกว่า ชะตากรรมของ ปลอดประสพจะเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ดี แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำท่าจะเป็นเรื่องยาว ไม่จบง่าย และมีโอกาสหักมุมได้ตลอดเวลา แต่สำหรับ ปลอดประสพ สุรัสวดี ดูหนทางข้างหน้าแล้วน่าจะนั่งในเก้าอี้ได้ลำบาก เพราะที่ผ่านมานอกจากไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นภาระให้กับรัฐบาลเหมือนกัน!!