xs
xsm
sm
md
lg

“ดำรงค์” พร้อมถูกสอบ ยกกฤษฎีกาสั่งรื้อที่รุกล้ำคืนสภาพเดิม วุฒิฯ ชมการงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
วุฒิสภา ชมการปฏิบัติหน้าที่ อธิบดีกรมอุทยานฯ เตือนการเมืองอย่าล้ำเส้น "ดำรงค์" ชี้กฤษฎีกายันชัด ให้รื้อพื้นที่รุกล้ำกลับสภาพเดิม เผยที่ดิน 30 ล้านไร่อยู่กับนักธุรกิจ ปชช.มีแค่ 10 ล้านไร่ เห็นด้วยรวมกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ เหตุล้มเหลวแยกกันทำงาน ขอบคุณเอ็นจีโอหนุน ลั่นพร้อมถูกสอบสวน เชื่อการเมืองไม่ตั้งคนแบบตนอีก รับเข้าถก "ปลอดประสพ" แล้ว

วันนี้ (7 ส.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา ที่มีนางธันยรัศม์ อัฉฉริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต เป็นประธาน ได้ได้เชิญนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าชี้แจงถึงการบังคับใช้กฎหมายและการปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยกรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายดำรงค์ และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ในประเด็นการรื้อถอนรีสอร์ทซึ่งปลูกสร้างในพื้นที่อุทยานฯ พร้อมระบุว่ากรรมาธิการฯจะร่วมในการตรวจสอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ในพื้นที่อุทยาน

โดยนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า ข้าราชการต้องมีความกล้า ซึ่งในสังคมไทยตนไม่เคยเห็นใครที่กล้าปฏิบัติหน้าที่เหมือนนายดำรงค์ แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้จะถูกการเมืองเล่นงาน และขอเตือนไปยังภาคการเมืองว่า นักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการอยู่ถึง60ปี ทั้งนี้ในฐานะสถาปนิก เคยเดินทางไปที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พบรีสอร์ทปลูกสร้างกันอยู่บนภูเขา ก็คาดไม่ถึงว่าอยู่กันได้อย่างไร เพราะผิดกฎหมายทั้งหมด อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบรีสอร์ทที่ปลูกผิดกฎหมาย นั้นจะตั้งกรรมการลงพื้นที่ไปร่วมตรวจสอบด้วย

ด้านนายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ ส.ว.ลพบุรี กล่าวว่า ตนยึดมั่น และยืนอยู่ข้างความถูกต้อง เพราะแม้ว่าผู้ประกอบธุรกิจจะเสียหายมูลค่าเท่าไหร่อย่างไร แต่ก็ถือว่าได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งตนชื่นชมนายดำรงค์ ที่ทำงานอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ได้มีอคติ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ส.ว.จะต้องออกมาร่วมต่อต้านกับอำนาจเฮงซวย

อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีที่ผู้ประกอบการ เข้าไปซื้อที่ดินมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้น จะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ให้อยู่ในพื้นที่ต่อในรูปแบบการเช่าพื้นที่ได้หรือไม่ ซึ่งนายดำรงค์ กล่าวว่า ตนก็เห็นใจผู้ประกอบการเหล่านี้ แต่ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้เพราะกฤษฎีกาก็ระบุชัดเจนว่าต้องรื้อถอนให้อยู่ในสภาพเดิม อีกทั้งจะเป็นตัวอย่างและลุกลามแบบนี้ไปทั่วประเทศ เพราะนายทุนชอบพลิกแพลง

ทั้งนี้ในประเด็นของการให้โฉนดชุมชนกับประชาชนที่ยากจน ขณะนี้มีหลายฝ่ายที่อยากให้กรมอุทยานผ่อนผัน ซึ่งนายดำรงค์กล่าวว่า ไม่ขัดข้อง แต่ต้องนำพื้นที่ไปทำกินในสภาพเดิม นอกจากนั้นแล้วพบว่าขณะนี้ที่ดินที่ออกโฉนดให้ประชาชนนั้น ตกอยู่ในมือของนักธุรกิจ กว่า 30 ล้านไร่ และอยู่ในมือประชาชนจริงๆ เพียง 10 ล้านไร่เท่านั้น ดังนั้นหากจะให้มีการออกโฉนดชุมชน ควรนำที่ดินในมือของนักธุรกิจมาให้ประชาชนดีกว่า

นายดำรงค์ กล่าวยืนยันต่อทีประชุมกรรมาธิการฯ ต่อกรณีการเอาผิด10 รีสอร์ทในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่า ขณะนี้ได้ตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบแล้ว และยืนยันว่าจะทำให้แล้วเสร็จก่อนที่ตนจะเกษียณ เบื้องต้นจะเป็นการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ส่วนกรณีที่มีบุคคลเสนอให้ยุบรวมกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ นั้นตนเห็นด้วย เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่การแบ่งแยกต่างคนต่างทำอย่างในปัจจุบันนี้ ทำให้เกิดปัญหาการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปถึงกฎหมายผ่อนผันการเอาผิดผู้บุกรุกพื้นที่ป่าด้วย ที่ทำให้ทรัพยากรของเราป่นปี้

“สำหรับการต่ออายุราชการนั้น ผมมองว่า คนที่มีอำนาจแต่งตั้ง คงไม่อยากได้คนอย่างผมเข้าไปเป็นอธิบดีอีก ซึ่งการตั้งอธิบดีใหม่ หรือ การต่ออายุราชการ ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ” นายดำรงค์ กล่าว

อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเอ็นจีโอ ออกแถลงการณ์สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และคัดค้านการตั้งกรรมการตรวจสอบ กรณีที่มีการเข้าไปรื้อรีสอร์ท ซึ่งปลูกสร้างในพื้นที่อุทยาน ว่า ตนขอขอบคุณกลุ่มเอ็นจีโอดังกล่าว แต่ในประเด็นการตั้งกรรมการสอบตนนั้น ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน ว่าประเด็นการรื้อรีสอร์ทนั้นทำได้หรือไม่ มีอำนาจหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งจะถือเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต

“สำหรับกระแสการย้ายออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานว่าเท่าที่คุยกับรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านบอกว่าจะไม่ย้าย ผมเชื่อว่าจะไม่มี แต่หากมีจริง ก็ไม่มีปัญหา ผมเป็นข้าราชการพร้อมน้อมรับคำสั่ง เขาสั่งให้หยุดราชการก็หยุด” นายดำรงค์ กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น