xs
xsm
sm
md
lg

“ยุทธศักดิ์-สุกำพล-ประยุทธ์-อดุลย์” ลงใต้มอบนโยบายปรับแผนสู้โจรใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
บิ๊กความมั่นคง “ยุทธศักดิ์-สุกำพล-ประยุทธ์-อดุลย์” ลงใต้ มอบนโยบายพร้อมปรับแผนสู้โจรใต้ “บิ๊กตู่” ระบุตั้ง กปต.เพื่อยกกระดับความสำคัญปัญหาภาคใต้ให้มากขึ้น ไม่ซ้ำซ้อนหน่วยงานเดิม แต่จะทำหน้าที่ปรับการทำงานของหน่วยที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝ่ายความมั่นคง หงุดหงิดถูกถามปัญหาเครื่องตรวจระเบิดจีที 200

ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) วันนี้ (10 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วยตนในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. จะนำคณะลงพื้นที่ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนภาคใต้ และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์จะมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน พร้อมกับพบปะผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นที่ศูนย์มัรกัสยะลา จ.ยะลาด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ คือเรื่องของความมั่นคงที่มี กอ.รมน.เป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติในภาพรวม และในส่วนเรื่องการพัฒนามี ศอ.บต.ทำหน้าที่ดูแลจัดทำแผนงานโครงการรวบรวมของทุกกระทรวงให้อยู่ในกรอบของ กปต. สำหรับความจำเป็นที่จะต้องมี กปต.เนื่องจากที่ผ่านมา 17 กระทรวง 66 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บริหารงานตามแผนงานโครงการใช้จ่ายงบประมาณมาตลอดระยะเวลาภายในการอนุมัติของรัฐบาลทุกรัฐบาล แต่มีปัญหาในเรื่องของระเบียบงานราชการบางอย่างที่จะต้องอาศัยเวลาเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน จึงทำให้แผนงานพัฒนาบางโครงการนั้นไม่สอดคล้องกับงานของฝ่ายความมั่นคง แต่ไม่ใช่เพราะทำงานล้มเหลวหรือไม่ได้ผล เพียงแต่ไม่ตรงกับเวลา สถานที่และความต้องการของประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นงานบางงานหากดำเนินการได้ในไตรมาสหนึ่งมันก็จะไปช่วยเจ้าหน้าที่ทำให้พื้นที่นั้นปลอดภัยตั้งแต่ไตรมาสหนึ่ง เพื่อให้งานพัฒนาในส่วนต่อไปได้ดำเนินการต่อไปได้ เพราะหากพื้นที่ไม่ปลอดภัยก็ไม่สามารถพัฒนางานได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่กล้าลงไปทำงาน เพราะฉะนั้น กปต.ไม่ใช่การตั้งคณะทำงานขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการนำเจ้าหน้าที่ของทุกหน่วยงานมาเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน

“ไม่ใช่ว่าจะต้องตั้งคณะทำงานใหม่ มีสถานที่ที่ใหญ่โต มีคนขึ้นมาใหม่ แต่เป็นคนเดิมที่มีโอกาสมานั่งพูดคุยหารือปรับการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคง เสร็จแล้วทั้งหมดก็จะนำเสนอ พล.อ.ยุทธศักดิ์เพื่อรายงานต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต่อไป เหมือนกับเราเอางานภาคใต้มาให้ความสำคัญมากขึ้นและขับเคลื่อนให้ตรงช่องทาง"

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ต้องออกแบบ กอ.รมน.ส่วนหน้า ที่มีทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหารขับเคลื่อนการทำงานไปด้วยกันดูว่าเจ้าหน้าที่ กฎหมาย และกล้องวงจรปิดพอเพียงหรือไม่ หากไม่พอก็ต้องไปจัดหามา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นนิมิตหมายที่ดีไม่ใช่ว่าทำงานล้มเหลวหรือไม่ได้ผล การอธิบายเรื่องภาคใต้นั้นฟังแล้วต้องใช้สมองคิดตาม อีกทั้งเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง หากซื้อมาแล้วอย่าบอกว่าทุจริต เพราะข่าวที่ว่าทุจริตเกิดจากบริษัทที่ขายไม่ได้ ไม่เข้าระบบ และร้องเรียนกันวุ่นวายไปหมด หากซื้อไม่ได้ แล้วทหาร ตำรวจ ตายทุกวันใครรับผิดชอบ ไม่มีหรอก ถ้าจะซื้อของเกี่ยวข้องกับความเป็น ความตายของคน ไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนเขาทำได้

ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า วันนี้นายกฯ ห่วงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตนได้บอกแล้วว่าในเรื่องนี้มีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งเรื่องเจ้าหน้าที่พอหรือไม่ ที่ไปไม่ได้ไปไล่ล่าใครทั้งหมด แต่เป็นการไปพัฒนา ดูแลพื้นที่และเฝ้าระวัง ส่วนจะพอหรือไม่นั้น ตนคิดว่า ต้องไม่ติดภารกิจในเชิงรับ เช่น การเฝ้าโรงเรียน วัด มัสยิด เป็นต้น ตนถามว่าถ้าพื้นที่ไม่ปลอดภัยแล้วใครอยากจะไปทำงานอื่น เรื่องพัฒนาจะทำได้หรือไม่ ทุกกระทรวง ทบวง กรมจะลงพื้นที่ได้หรือไม่ การทำงานทั้งหมดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพราะอยู่ภายใต้ กอ.รมน.

“อย่าถามว่าจะปลอดภัย 100% หรือไม่ ก็ขอให้ไปนอนดู ถ้าตราบใดที่ยังออกจากบ้าน เดินตามถนนเส้นทางไปในที่ที่ไม่มีกำลังพลอยู่ ท่านพร้อมที่จะถูกทำร้าย เพราะคนพวกนี้ยังอยู่ ถามว่าจะเลิกยิงเมื่อไหร่สำหรับพวกคน 7 พันถึง 9 พันกว่าที่ไล่ล่ากันอยู่ มันหมดไปแล้ว มันถึงจะไม่มีคนยิง เพราะไอ้พวกนี้มันแอบยิงอยู่ แต่ถามว่าคนพวกนี้ฆ่ามันทิ้งได้หมดหรือไม่ เพราะเขาเป็นคนไทย หากฆ่าแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้จะจับกุมได้ต้องมีหลักฐาน และต้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ เหล่านี้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ถ้าไม่เข้าใจให้ไปดูซีรีส์ซีเอสไอ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ดูแลพื้นที่เซฟตี้โซนว่า เขาตั้งมานานแล้ว ซึ่งจะปลอดภัยหรือไม่นั้นกำลังและกฎหมายต้องพอเพียง เครื่องมือครบ และการข่าวต้องมีประสิทธิภาพ ถ้าเหล่านี้พอก็จะแก้ไขได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หากพูดแล้วต้องนึกภาพการวางกำลังในพื้นที่ภาคใต้ให้ออก เพราะมีทั้งชุมชนเมือง ชนบท และพื้นที่ป่าเขาที่แตกต่างจาก กทม. ก็ต้องไปออกแบบว่าจะวางกำลังอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องพร้อม และประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ดังนั้นการที่จะไปเขียนข่าวให้แรงก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ไม่ได้อะไรกับตนและประเทศชาติ แต่ควรจะให้กำลังใจ เขียนข่าวให้มันดูดี

ทั้งนี้ การทำงานของทหารไม่ได้ปกปิด แต่บางส่วนต้องเป็นความลับ พูดไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศไหนเขาบอก บางอย่างเป็นเรื่องลับของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงาน ในส่วนของภาพที่มีความรุนแรงก็ขอความร่วมมือว่าอย่าไปนำเสนอ เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรนอกจากความสะใจ อย่างเช่นรูปภาพรถทหารพังๆ เยอะชอบ ทั้งที่เหล่านี้เป็นภาษีของประชาชนทั้งนั้น

ส่วนการลอบวางระเบิดหรือการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่จะกระทำในช่วงกลางคืน ซึ่งเราประกาศเคอร์ฟิวไม่ได้ จึงเกิดเหตุการณ์ยิงและระเบิดขึ้น ดังนั้นอย่ามาพูดว่าทหารไม่เก่ง ไม่รู้เรื่อง และไม่ระวังป้องกันตนเอง เพราะทหารต้องเปิดเผยตนเอง ไม่สามารถแต่งกายนอกเครื่องแบบได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าไปลอบยิงชาวบ้าน

ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะมีผู้ก่อการร้ายมามอบตัวนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีมาตลอด เพราะปัจจุบันมีการประกาศใช้มาตรา 21 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่ระบุว่าผู้ใดที่มีการกระทำเกิดจากความหลงผิด ไม่เข้าใจ หรือถูกหลอกลวงจากขบวนการสามารถเข้ามาติดต่อกับทางราชการ เพื่อนำเข้าสู่การวิเคราะห์ของคณะกรรมการฯดำเนินการสอบสวนว่ากระทำผิดจริงหรือไม่ หากเป็นการกระทำผิดจริงแต่ไม่รุนแรงมากนักก็ให้เข้ามาอบรม 6 เดือนและออกมาเป็นคนดี แต่ถ้าใครมีคดีอาญา ฆ่าคนตายนั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ ทำให้คนไม่อยากเข้ามาสู่กระบวนการนี้ เพราะเข้าใจแต่แรกว่าไม่มีความผิด ทั้งนี้จึงต้องนำมาปรับปรุงกันต่อไป และอย่านำมาเปรียบเทียบคำสั่งนายกฯ ที่ 66/23 เพราะใช้สำหรับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่รบกับทหาร ตำรวจไม่ได้ฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ และไม่มีคดีอาญา ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) ให้กองทัพไปร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทที่ขายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการไปร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่เป็นการไปชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเราซื้อมาอย่างไร จะผิดจะถูกก็ว่ากันเอง และขอให้สื่อช่วยไปหาหน่อยว่าจะเอาเครื่องมือใดมาทดแทน เพื่อไม่ให้ทหาร ตำรวจไม่โดนระเบิด ถ้าหาไม่ได้อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ น่ารำคาญ
กำลังโหลดความคิดเห็น