ผบ.ทบ.ชี้ไฟใต้ คือ สงครามคนในชาติ เหตุมีเรื่องผิดกฎหมายผสมกัน ต้นตอหวังทำลายโครงสร้าง ยันใช้อำนาจปกติ กฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แค่ใช้บางข้อ หวั่นถูกต่อต้าน วอนสังคมลดกดดันทหาร-อย่าให้ราคา ยันไม่ใช้กำลังไล่ล่าโจรใต้ หวั่นบานปลาย-ยูเอ็นแทรกแซง พ้อใช้ กม.ดับไฟใต้เต็มที่ไม่ได้ เดือดถูกถามใช้ข้อมูลเก่า ลั่นรู้หมดแกนนำเป็นใคร แต่ไม่จำเป็นต้องบอก อ้างต้องโมโหเพื่อคุมลูกน้อง ยันเรือเหาะบินได้ คนคิดใช้ไม่ปัญญาอ่อน จ่อบรรจุอดีตทหารเกณฑ์เป็น ตร.ลงใต้ปีละพันคน
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงถึงปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า สถานการณ์วันนี้ไม่ใช่สงครามภายนอก หรือสงครามขนาดใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากคนในประเทศเองที่มีความคิดเห็นแตกต่าง เกิดจากขบวนการเก่าๆ และจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด สินค้าเถื่อน ที่รวมกลุ่มขึ้นมามุ่งหวังให้ดินแดนภาคใต้เป็นดินแดนความมืดมิด ไม่ให้ใครเข้าไปแตะต้องได้ และเกิดประโยชน์ต่อคนกลุ่มหนึ่ง โดยเราได้มีการจัดทำทำเนียบกำลังรบของข้าศึก และมีการติดตามจับกุมโดยใช้กระบวนการทางกฎหมายปกติ เพื่อทำลายโครงสร้างและแผนการดำเนินงานของเขา และ ไม่ใช่ขบวนการแยกดินแดนทั้งหมด เพราะความสูญเสียเกิดขึ้นจากคนทุกศาสนา รวมถึงไม่ได้มีการใช้กำลังจากนอกประเทศ ทั้งการจับกุมและการสืบทราบทั้งหมดเป็นคนไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะไปฝึกที่ไหนก็ยังเป็นคนไทย
“การแก้ไขปัญหาไม่สามารถใช้ยุทธวิธีอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นจะทำให้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นมากเกินเยียวยา แต่สิ่งที่มีผลกระทบคือความสูญเสีย การบาดเจ็บ ล้มตาย ของเจ้าหน้าที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ กำลังทหารและตำรวจ ไม่ใช่เขาไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้อยู่ในกรอบที่จำกัด ไม่สามารถใช้กำลังขนาดใหญ่ลงไปปิดล้อม ตรวจค้นได้ทั้งหมด นอกจากจะมีงานด้านการข่าวชัดเจน ในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายเท่านั้น ตามหลักสงครามแล้วถ้าเป็นต่างประเทศที่มีการสู้รบกันจะสามารถใช้กำลังได้ เต็มรูปแบบ แต่วันนี้เป็นพื้นที่ปกติไม่ได้เป็นพื้นที่ประกาศสงคราม และไม่ได้เป็นพื้นที่การรบโดยสมบูรณ์ ดังนั้น ต้องใช้อำนาจปกติในการดำเนินการ สำหรับกฎหมายพิเศษก็มีกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งใช้เพียงบางข้อเท่านั้น จะเห็นว่า ไม่มีผลกระทบโดยรวม อีกทั้งการใช้กฎหมายมีความรัดกุม แต่ถ้าเราไม่มีกฎหมายตัวนี้มันก็จะช้า และจะทำเกิดการทำลายหลักฐานดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้มาตรการใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือในกฎอัยการศึก ที่มีกล่าวถึงอยู่แล้ว คือ การบังคับใช้เส้นทาง โดยการประกาศเคอร์ฟิว แค่เป็นเวลา หรือแค่บางพื้นที่ ก็ยังได้รับการต่อต้าน เพราะว่ามีคนส่วนหนึ่งเขาไม่ได้เดือดร้อน ก็เกรงว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายเหล่านั้น ซึ่งก็รู้ว่าเป็นไปได้ยากที่จะประกาศได้ แต่เราก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ขณะนี้เกิดเหตุทุกพื้นที่ นั่นคือ ความจำเป็นที่ต้องนำกำลังทหารลงไป เพื่อดูแลความปลอดภัยคนไทยพุทธ และ มุสลิม 2 ล้านกว่าคน เพราะผู้ที่ก่อเหตุฆ่าไม่เลือก ซึ่งไม่ใช้กำลังไปไล่ล่าและไม่ได้ใช้การรบเต็มรูปแบบ ซึ่งทำไม่ได้ เพราะว่าเป็นคนไทย เขาไม่ได้มาใช้กองกำลังเป็นหมวด หมู่ เป็นกองร้อยมาสู้กับเรา แต่เขาใช้วิธีสุนัขลอบกัด ใช้ยุทธวิธีการก่อการร้ายแบบกองโจร และผู้ที่ใช้ก็คือไอ้โจรไทย จะถือศาสนาใดก็ไม่รู้ แต่เขาเป็นคนส่วนน้อย ดังนั้น ก็เป็นการยากเพราะฝ่ายเราต้องไปดูเป้าหมายอ่อนแอทั้งหมด เหล่านี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ การที่บอกว่าการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันล้มเหลว ก็ต้องชี้แจงว่าในสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันผสมผสานกัน ไม่ว่าจะผิดกฎหมาย ยาเสพติด แรงงาน อาชญากรรม คนสองสัญชาติ การเมือง ส่วนตัว ไล่ที่ ซื้อที่ดิน ซึ่งก็เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับ กำลังพล 16 กองพัน ที่ลงพื้นที่ภาคใต้ในปัจจุบัน ต้องได้รับการฝึกยุทธวิธี สงครามนอกแบบ หน่วยทหารขนาดเล็ก วันนี้เราใช้กำลังพลมากกว่า 3 กองพล เพราะลงไปดูพื้นที่ทั้งหมด ถ้าลงไปสู้กับโจร 1 พันกว่าคน ใช้กำลังของเรา 3 พันกว่าคนก็พอแล้ว ไม่ต้องไปไล่ล่า ในป่าเขา เหมือนที่หลายๆ คนบอกว่าจะทำ ตนถามว่า ทำได้หรือไม่ ในเมื่อผู้ก่อเหตุทั้งหมดไม่ได้อยู่บนเขา เพราะพวกนี้อยู่ในเมืองทั้งสิ้น ทหารในฐานต้องทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ จนกว่าประชาชนจะหยุดการสัญจรไปมาแล้ว จึงจะเริ่มถอนกำลังเขาจะใช้จังหวะซุ่มโจมตี เช้าก็จะกลับมา อีกกลุ่มหนึ่งก็จะไปทำงานแทน ทหารก็จะมี 2 -3 ผลัดในแต่ละฐาน แต่ทหารต้องมีความเหนื่อยล้า และไม่ระมัดระวังในบางครั้งเพราะเหตุการณ์ดูเหมือนจะดี
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนคิดว่า การแก้ไขปัญหาต้องมีความเข้าใจในปัญหา และบริบทที่เกี่ยวข้อง เข้าใจในกฎหมาย และมนุษยธรรม ความรับผิดชอบของยูเอ็นมีอยู่ ประเทศใดก็ตามไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ถ้าบุคคลภายในชาติไม่ปลอดภัย ยูเอ็นสามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา เราไม่สามารถห้ามได้ ที่ตนพูดว่าจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม การปิดถนน เส้นทาง ถามว่าทำได้หรือไม่ ผมรู้คำตอบว่าไมได้ เมื่อไม่ได้ ก็ต้องมีเหตุการณ์ จะให้ผมทำอย่างไร ใครเก่งกว่านี้มาตอบผมหน่อย ก็ต้องใช้ทุกอย่างเข้ามาเกื้อกูลกัน ต้องวาดภาพสนามรบออกมา ทุกรัฐบาลและทุก ผบ.ทบ.ไม่มีใครเก่งกว่าใคร สิ่งสำคัญคือ ความเข้าใจ ที่เราไม่ได้จากพวกเรากันเอง หากมองในมิติเดียว การบาดเจ็บ และการสูญเสียใครก็รับไม่ได้ ตนก็รับไม่ได้ และตนไม่เจ็บใจและไม่โกรธแค้นมากกว่าเหรอที่ลูกน้องไปถูกยิง ถูกฆ่า ทุกวัน แต่ตนจะไปแก้แค้นได้หรือไม่ ทำได้แค่บังคับใช้กฎหมาย ตั้งด่านตรวจให้มากขึ้น แล้วประชาชนก็จะปฏิเสธในภาพรวมทั้งหมด เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นั่นคือ สิ่งที่วนเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นทุกคนต้องลดความกดดัน ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะไปในทางที่ผิด เขาก็จะโมโหและโกรธแค้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ เราต้องบอกลูกน้องว่าโมโหไม่ได้ ผู้ก่อเหตุถูกล้างสมองว่า ถ้าเราพลาด เราบาดเจ็บ เสียชีวิต เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ มีเสื้อเกราะ มีอาวุธ มีอะไรที่ดีกว่า แต่เราพลาด เพราะเราถูกลอบกัด เพราะฉะนั้น ต้องระวังตัวให้มากที่สุด ถ้าระวังตัวไม่ได้ก็ต้องตาย นั่นคือสิ่งที่ทำความเข้าใจกับลูกน้องทุกคนที่ลงพื้นที่ไม่เคยเรียกร้อง สิทธิอะไรมากมายไปกว่านี้ เช่นพิธีศพ การดูแลลูกเมีย ผมเจ็บปวดกว่าท่านเยอะ ดังนั้น อย่ามาบอกว่าเจ็บแค้นแทนทหารอย่ามาพูดอย่างนั้น จะทำให้กำลังพลเสียขวัญ อ่อนไหว แล้วจะทำอย่างไร มันจะลุกกันขึ้นมาฆ่ากันทั้งประเทศหรือเปล่า วันนี้เราบรรจุคนเป็นทหารพราน และทหารหลัก มการบรรจุทหารมาเป็นตำรวจอีก หากเราบอกว่าแค้นเคืองทั้งหมดจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมีอาวุธ เขาฆ่ากัน ไล่ล่ากัน ก็จะเสียดินแดน ผมถามว่า วันนี้เราเสียดินแดนซักตารางนิ้วในภาคใต้แล้วหรือยัง มีใครมาแสดงตัวรับผิดชอบหรือเปล่า มีแต่อีแอบ อีหมาลอบกัดอย่างเดียว ท่านก็ทนมันไม่ได้ แล้วจะให้ผมทนอยู่ข้างเดียวหรืออย่างไร
“ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ชื่นชมกับคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่ผมไม่เข้าใจว่าคนหลายๆ พวกพูดเหมือนกับว่าเขามีความเก่งกาจสามารถ มันจะไปเก่งกาจอะไร มันแอบลอบกัดเขา ทำไมไม่ให้เกียรติทหารที่เป็นสุภาพบุรุษบ้าง ที่เปิดเผยทุกวัน ต้องเดินเป็นเพื่อนครู พระไปบิณฑบาตทุกวัน ผมถามว่าไอ้คนพวกนี้มันพร้อมถูกยิงตลอดเวลาไหม ถ้าเมื่อไหร่เขาไม่ทำ ค่อยมาด่าผม นี่เขารู้ว่าเขาต้องตาย ยังต้องทำเลย ทำไมท่านไม่ให้กำลังใจเขา ฝ่ายโน่นต้องการให้เราสู้ในวิธีการที่ผิด เมื่อเอากำลังเข้าสู่กันทั้งสองฝ่ายสถานการณ์ก็จะเกิดขึ้น ใครๆ ทั้งหมดก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนเขาพระวิหาร ที่ท่านยังยอมรับกันไม่ได้เลยว่าจะมีใครเข้ามาสังเกตการณ์ ทั้งนี้ ไม่ใช่ผมเป็น ผบ.ทบ.แล้วจะสบาย อยากจะเสวยสุขอยู่ในตำแหน่ง อยู่ 2 ปีก็จะเกษียณแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ภาคใต้ยังใช้การเมืองนำการทหาร และมีคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์มีรองนายกฯ เป็นประธาน ซึ่งการประชุมวันพรุ่งนี้ต้องพูดคุยในภาพรวม 17 กระทรวง กับ 66 หน่วยงาน ได้เข้าใจในรายละเอียดผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา โดยต้องขับเคลื่อนพร้อม ศอ.บต. กอ.รมน.โดยต้องทำงานร่วมกัน สอดคล้องกับความมั่นคง ความต้องการของคนในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้มีอะไรใหม่เลย ไม่ได้หมายความว่า ตั้งองค์กรมาแล้วภาคใต้จะจบ แต่เอามาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โดย สมช.มี 9 ข้อ กอ.รมน.7 ข้อ ศอ.บต.มี 9 ข้อ วันนี้มาเขียนใหม่โดยทำเป็นแผนที่ตนตั้งเองเรียกว่า 9-5-29 เป็นเป้าประสงค์ขององค์กร ทั้งหมดไม่ได้ใช้กำลัง มี 5 กลุ่มงานหลัก ด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา ด้านยุติธรรม ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการพูดคุยเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน เป็นต้น
เมื่อถามว่า ตอนนี้เรารู้เขารู้เราหรือไม่ เพราะถูกมองว่า เรายึดติดกับฐานข่าวเก่าเช่น นายมะแซอุเซ็ง แกนนำผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไอ้บ้านั่นมีมาตั้งนานแล้ว ตนต้องบอกสื่อทุกเรื่องหรือไม่ สื่ออย่าดูถูกว่า ตนไม่รู้ ถ้าไม่รู้จะรบกันได้อย่างไร คุณเป็น ผบ.ทบ.หรืออย่างไรถึงต้องอยากรู้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งของปัญหาเป็นขบวนการแยกดินแดนในอดีต ซึ่งมีอยู่หลายคน มีลูกหลานที่โตขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความวุ่นวาย ไม่อยากให้พูดว่า เป็นขบวนการแยกดินแดนทั้งหมด การต่อสู้ให้ใช้กฎหมายทุกอย่าง ต่อสู้เพื่อให้รู้ว่า กลุ่มนี้คือกลุ่มนี้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีตั้ง 8-9 กลุ่มจะประกาศชื่อให้ทั่วโลกรู้เพื่อให้หนีไปหรืออย่างไร ทำไมจะต้องบอกชื่อทั้งหมด บางอย่างพูดให้ตายก็ไม่เข้าใจ ถ้าเก่งก็มาเป็น ผบ.ทบ.เดี๋ยววันนี้จะมาโทษว่า ตนเม้งแตกอีก ตนโมโหเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าผมโกรธสื่อ ผมก็ฆ่าไปนานแล้ว ไม่อย่างนั้นคุมกองทัพไม่ได้ ผมก็โมโหเป็น ไม่ใช่พระ มิเช่นนั้น ลูกน้องจะกลัวหรือ ไม่อย่างนั้นลูกน้องก็ไปกลัวโจร ไม่ต้องมากลัวผม ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ วันนี้กองทัพต้องเป็นปึกแผ่น
เมื่อถามถึงการใช้เรือเหาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ทำอยู่แล้ว ทำไมต้องเหาะให้เห็นหรืออย่างไร ให้สลายหรือเปื่อยไปหรืออย่างไร มันจอดอยู่ในโรงเมื่อใส่แก๊สไปก็ใช้ได้ ซึ่งเรือเหาะสามารถใช้ได้ทุกพื้นที่ แต่ตรงไหนที่อันตรายเราก็ไม่ใช้ อย่างน้อยต้องขึ้นบินอย่างต่ำ 3 พันเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยิง คนที่คิดใช้เรือเหาะในพื้นที่ไม่ใช่ปัญญาอ่อน หรือจะเอาผลประโยชน์ แต่เขามองว่าทำอย่างไรเราจะเฝ้ามองตรวจสนามรบได้ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่กองทัพอากาศจะใช้เครื่องบิน AU-23 มาช่วยลาดตระเวนคุ้มครองหน่วยภาคพื้นดินนั้น เป็นความหวังดีของ รมว.กลาโหม และ ผบ.ทอ.อย่างน้อยก็เป็นตาข้างบน ห้ามปรามได้ เวลาฝ่ายโน้นคิดจะทำอย่างไรต้องระวัง เพราะจะมีเครื่องบิน หรือเรือเหาะบินมาใช้กล้องส่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ขาดแคลนตำรวจพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่มันโหด ดังนั้น ตำรวจพวกนี้อาจจะไม่เหมาะ ขณะนี้มีการเตรียมการนำตำรวจใหม่ที่ผ่านการฝึกสงครามกองโจร สงครามนอกแบบ เพื่อลงไปทำงานร่วมกับตำรวจภูธร ขณะนี้ยังฝึกไม่ทัน ก็เอาตำรวจพลร่มลงไปก่อนเพื่อไปขับเคลื่อนในทุกจังหวัด และในเขตเมือง ซึ่งทางผู้ว่าราชการการจังหวัด นายอำเภอ มีกำลังฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก ทหารจะเป็นแบ็กอยู่เบื้องหลัง เมื่อมีเหตุการณ์ก็เข้าไปช่วย แต่เวลามีเรื่องทหารโดนด่าทุกที ส่วนแนวคิดที่จะให้พลทหารที่ปลดประจำการบรรจุเข้าไปทำงานในพื้นที่นั้น เป็นแนวคิดที่มีมาตั้งนาน ตั้งแต่สมัยตนเป็นร้อยตรี ตนได้คุยกับ ผบ.ตร.ว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารเกณฑ์ที่ถูกปลดประจำการในพื้นที่เป็นหลัก หรือทหารเกณฑ์ที่เคยลงไปปฏิบัติในพื้นที่บรรจุคัดเลือกเข้าเป็นตำรวจดูแลพื้นที่ ซึ่งน่าจะบรรจุปีละพันนาย โดย รมว.กลาโหม เป็นผู้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย
“ถ้าจะถามว่า การทำงานไม่ให้ตายไม่ได้หรือ ผมตอบไม่ได้ เพราะผมใช้กฎหมายเต็มที่ไม่ได้ ถ้าผมประกาศเคอร์ฟิวได้ก็จะปิดกั้นเส้นทาง คนก็จะไม่ใช้ ทหารก็ไปดักซุ่ม ออกมาก็ยิงไล่เลย ไม่ต้องมาระวังกัน ถ้าให้ผมอย่างนี้ไม่ได้ ประชาชนก็ต้องลดการสัญจรไปมา หรือเดินทางให้น้อยลงในเวลากลางคืน แต่พอให้ไปเป็นหมู่คณะ แล้วเอาทหารไปคุ้มครองก็ไม่เอา หาว่า ทหารไปล่อเป้า นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เขาไม่อยากได้ทหารไปล่อเป้าเพราะมันอันตราย แต่ความจริงมันอันตราย เพราะถ้าไม่มีคนดูแล ประชาชนไม่ยอมให้ไปดุแล บางโรงเรียน บางวัด ไม่ให้ทหารเข้าไปใกล้ๆ แล้วถ้าถูกเผาขึ้นมา ทหารก็โดนด่า นี่คือ ปัญหาปลีกย่อยที่อยากให้สื่อเข้าใจ ผมพยายามอธิบาย ผมใจเย็นที่สุดแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การคิดวันนี้ต้องคิดให้หมด ไม่ใช่ถือดาบ 2 มือ หรือถือผ้าผืนหนึ่งแล้วไปรบ มีคนทำกับข้าวให้กินคงไม่ใช่ ต้องคิดให้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องคิดว่า งบประมาณแค่นี้จะใช้อย่างไรให้เพียงพอ ผลประโยชน์จะไปตกกับใคร กำลังพลจะได้ประโยชน์สูงสุดหรือไม่ รัฐบาลจะว่าอะไรหรือไม่ ทำอย่างไรกำลังพลจะมีความสุข เราต้องซื้อใจเขาให้อยู่กับ ให้เขาไปรบ ไปเสียสละชีวิต วันนี้เขาขอแค่ความภาคภูมิใจเมื่อที่เขาตายเท่านั้น คนที่ลงไปทำหน้านี้ต้องสู้เขาให้ได้ และต้องระมัดระวังตลอดเวลา นั่นคือ สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาต้องคิด ต้องทำ ขอให้เข้าใจวัฒนธรรมของทหาร ถ้าไม่มีทหาร ไม่มีตำรวจจะโดนมากกว่านี้ การแก้ต้องแก้ด้วยความเข้าใจ ด้วยกฎหมาย หรือการดึงเขากลับมา และไม่ให้เขาเพิ่มจำนวนมากขึ้น แก้สถานที่บ่มเพาะในประเทศและต่างประเทศ สถานศึกษา ตั้งแต่ปี 2547 เราก็คิดแก้ปัญหามาโดยตลอด ที่ผ่านมามีเหตุแรงบ้าง เบาบ้าง ถ้าตนพูดแรง มันจะแรงสู้ ตนลงไปใต้มันก็ระเบิดของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องมาท้าทายใตนลงไปหรอก เพราะมันระเบิดทุกวัน หากผมกลัว ผมก็ไม่ต้องลง หากจะระเบิดก็ระเบิดไป ลูกน้องอย่าตายก็แล้วกัน แต่จะให้ตนลงทุกวันก็ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ต้องนำนโยบายของตนไปสู่การปฏิบัติการ