xs
xsm
sm
md
lg

“พัลลภ” ชี้ไฟใต้สงครามกองโจร แฉโจรใช้ “อินโดฯ” ฝึกอาวุธ 8 เดือน-ทบ.โยนเคอร์ฟิวให้ มทภ.4 ตัดสินใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) (ภาพจากแฟ้ม)
ที่ปรึกษานายกฯ เผยสถานการณ์ไฟใต้ราวสงครามกองโจร แนะ 3 แนวทางต่อสู้ ชี้คล้ายปี 2520 วอนทหาร-รัฐบาลอย่าไปกลัว อ้างการข่าวโจรใต้ใช้อินโดนิเซียฝึกติดอาวุธ 8 เดือน ด้านกองทัพบก เผย วางมาตรการป้องกันคาร์บอมบ์เข้มงวด และคุ้มครอง พระ ครู นักเรียน โรงเรียน วัด และสัญลักษณ์ทางศาสนา ส่วนเรื่องเคอร์ฟิวโยนให้แม่ทัพภาค 4 ตัดสิน ด้านกองทัพอากาศเผยกำลังดำเนินการใช้เครื่องบิน เอยู-23 ลาดตระเวณคุ้มกันหน่วยภาคพื้นดิน เมินใช้ยูเอวีเพราะไม่พร้อม

วันนี้ (6 ส.ค.) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากเจ้าหน้าที่ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ถือเป็นสงครามกองโจรแล้ว ตามแบบสากลเมื่อเป็นลักษณะกองโจรก็ต้องสู้ด้วยกองโจร โดยหลักมี 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.search คือ ค้นหาแกนนำติดอาวุธและแนวร่วมว่าเป็นใคร 2.destroy คือ เมื่อสืบทราบว่าเป็นใครแล้วก็ให้ใช้กำลังทางทหารเข้าทำลาย และดึงแนวร่วมเข้ามาเป็นพวก และ 3.reconstruction คือหลังจากนั้นก็เข้าสู่การบูรณาการและปรับแผนเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติ

“ตอนนี้สถานการณ์กลับไปเหมือนปี 2520 แม้ว่า ขบวนการจะมีการเปลี่ยนแปลงบุคคลไปบ้าง แต่มันยังเป็นกองโจร เป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดน ต่อสู้ในลักษณะกองโจร ผมเห็นภาพทหารนั่งรถจักรยานยนต์ลาดตระเวน หรือรถหุ้มเกราะถูกระเบิดแล้ว รู้สึกอึดอัดและแค้นที่มาทำกับทหารของเรา ผมมองว่า การทำงานของทหารควรปรับยุทธวิธีโดยใช้การลาดตระเวนเดินเท้าเข้าพื้นที่เป้าหมาย หากเจอกับโจรซัดกันเลย อย่างนี้ไม่ผิดตัว ถ้าเราใช้วิธีให้ทหารเดินเท้าเข้าไปภายใน 3-4 ปี ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง ทหารในพื้นที่มี 4-5 หมื่นนายที่ทำงานปกติก็ทำไป แต่มาใช้สำหรับภารกิจนี้บางส่วนก็พอ ในสมัยตนใช้กำลัง 2-3 พันนายเท่านั้น ทหารและรัฐบาลอย่าไปกลัว เพราะสถานการณ์มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมคันไม้คันมือ ดูคลิปทหารที่โดนจ่อยิงยิงดูก็ยิงแค้น จับใครก็ไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร ถ้าไม่เริ่มทำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ประชาชนจะตายอีกเป็นหมื่นคน ซึ่งที่ผ่านมสถิติตั้งแต่ปี 2547 มีผู้เสียชีวิตแล้วเป็นหมื่นคนเช่นกัน แม้ว่าขณะนี้นายกฯยังไม่ได้ปรึกษาผมในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่ถ้าปรึกษามาก็จะบอกไปอย่างนี้ ในอีกด้านหนึ่งงานด้านการพัฒนาสร้างความเข้าใจกับมวลชนเป็นยุทธศาสตร์ที่เราต้องทำต่อไป แต่ด้านยุทธวิธีเราต้องมีการปรับ ทั้งนี้การข่าวของผมทราบมาว่ากองกำลังติดอาวุธไปฝึกจากประเทศอินโดนีเชีย ใช้เวลาฝึก 8 เดือน เป็นสงครามกองโจรที่ฝึกนอกประเทศ ต้องยอมรับว่า มีบางส่วนที่มาจากนอกประเทศ” พล.อ.พัลลภ กล่าว

พล.ต.นักรบ วงษ์บัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงสร้างการจัดการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมถึงหาข้อสรุปเกี่ยวกับที่ทำการศูนย์ปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้มีตัวเลือกอยู่ 2 สถานที่ คือ ตึกกองบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับสถานที่เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหารได้วางมาตรการเพื่อป้องกันเหตุคาร์บอมบ์อย่างเข้มงวดในพื้นที่เซฟตี้โซน รวมถึงการตั้งจุดตรวจโดยมีรูปรถที่หายพร้อมประวัติฐานข้อมูลของรถแจกจ่ายให้ตามจุดตรวจทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คว่าทะเบียนรถนั้นถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของ ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยสกัดกั้นการก่อเหตุคาร์บอมบ์ เนื่องจากผู้ก่อเหตุจะหาโอกาสก่อเหตุเสมอ เพราะพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่กว้างมาก แต่การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เซฟตี้โซนเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างดี เพราะจะสังเกตได้ว่า เหตุที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอยู่นอกเซฟตี้โซนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พื้นที่นอกเขตเซฟตี้โซนเจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยเช่นเดิมและยังมีมาตรการคุ้มครอง พระ ครู นักเรียน โรงเรียน วัด และสัญลักษณ์ทางศาสนาต่างๆ นอกจากนี้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กำลังเร่งสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ผู้นำศาสนาหรือผู้นำท้องถิ่น โดยได้รับความร่วมมือดีขึ้นเป็นลำดับ ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ภาคประชาชนหรือกลุ่มผู้นำศาสนาจะแสดงออกให้เห็นว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการก่อเหตุรุนแรง และบางท่านยังพูดว่า การกระทำแบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้องตามหลักศาสนา

เมื่อถามว่า กองทัพจะเสนอให้มีการออกมาตรการห้ามออกจากเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิว ต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ หรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เรื่องการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวขึ้นอยู่กับ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเพราะท่านจะรู้ดีที่สุด ส่วนการใช้ข้อกำหนดหรือข้อห้ามนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงในพื้นที่และต้องคำนึงถึงความจำเป็น

ด้าน พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงการจัดทำแผนปฏิบัติการการบินของเครื่องบิน เอยู-23 ในการช่วยสนับสนุนภารกิจการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า อยู่ระหว่างดำเนินการและประสานงาน ซึ่งปัจจุบันภารกิจของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวใช้สำหรับถ่ายภาพทางอากาศอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการเพิ่มภารกิจในการลาดตระเวนคุ้มกันหน่วยภาคพื้นดินเพิ่มเข้าไปเท่านั้น ไม่ได้ติดอาวุธ ไมได้บินประกบ โดยจะทำการบินในการสำรวจถ่ายภาพเส้นทางก่อนออกปฏิบัติการของกำลังพลและยานพานหะของหน่วยภาพพื้นตามเส้นทางที่จะเข้าไป เพื่อส่งภาพ Real Time ไปยังที่กองบัญชาการฯ และส่งให้หน่วยที่เคลื่อนที่ รวมถึงหน่วยสนับสนุน เพื่อเห็นภาพสถานการณ์จริงในเวลานั้นจริง

“เป็นการดูพื้นที่ล่วงหน้า ที่จะต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด โดยภาคพื้นดินเป็นคนกำหนด และ ทอ.จะเป็นผู้สนับสนุน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานมากขึ้น โดยรายละเอียดจะเป็นการนำเสนอไปถึงระดับผู้บังคับบัญชา ซึ่งได้รับมอบหมายนโยบายลงมา คงไม่สามารถเปิดเผยแผนได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบฯ อาจจะรู้ข้อมูลของเราได้ สำหรับแนวทางการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ ยูเอวีนั้น ขีดความสามารถยังไม่พอที่จะทำภารกิจนี้ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์ขึ้น ยังไม่ได้ใช้งาน และไม่เกี่ยวกับการใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทัพอากาศได้ตั้ง กองกำลังเฉพาะกิจที่ 9 ในพื้นที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี มีภารกิจในการดูแลรักษาความปลอดภัยสนามบิน และสนับสนุนดูแลการส่งกำลังทางอากาศ เช่น การขนส่งกำลังเข้าพื้นที่ และการลำเลียงสิ่งของเข้า- ออกในพื้นที่ พร้อมทั้งขึ้นทำการบินถ่ายภาพทางอากาศสนับสนุนภาคกิจของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนการลาดตระเวนปฏิบัติล่วงหน้ามีมานานแล้ว สำหรับกรณีที่มองว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน และไม่ได้ผลในการปฏิบัตินั้น ตนคิดว่าแล้วแต่คนมอง แต่ส่วนตัวคิดว่าได้ผล ซึ่งถ้าบอกรายละเอียดมากไปฝ่ายตรงข้ามก็จะรับรู้ อยู่ที่ใครจะวาดภาพว่าขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือไม่ ทั้งนี้ การทำอะไรเราไม่อยากเปิดให้รู้ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
กำลังโหลดความคิดเห็น