“เทพไท” จับตาประชุมสภาดันปรองดองเข้า ไล่ “เต้น” เลิกจ้อไฟใต้ไปดูราคายาง

ส.ส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ เชื่อ “เหลิม-ค้อนปลอม” ขัดขาแย่งชิงดีชิงเด่นในพรรค แปลกใจประธานสภาฯ โร่ปฏิเสธเหมือนกลัวอะไร จับตาประชุม 8-9 ส.ค.นำปรองดองเข้าสภาหรือไม่ สวน “อำมาตย์เต้น” โอ่ชุดนายร้อย “มาร์ค” ก็ใส่มาแล้ว เย้ยระวังจะได้ใส่ชุดนักโทษตลอดชีวิต ปัดพรรคหยิบไฟใต้เป็นประเด็นการเมือง แนะจริงใจแก้อย่าเลือกปฏิบัติ ไล่กลับไปดูราคายาง เตือนจะเจอม็อบ

วันนี้ (30 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยต่อการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่จะเจรจาให้มีการถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า คงเป็นการขัดขาชิงดีชิงเด่นกันเองภายในพรรคเพื่อไทย และล่าสุดนายสมศักดิ์ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้อาสาที่จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ตนอยากให้ประธานสภาฯ ได้ลองกลับไปดูสิ่งที่ได้พูดไว้ในคลิปลับ และที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ตนรู้สึกแปลกใจที่นายสมศักดิ์ออกมาปฏิเสธ แสดงว่าประธานสภาฯ กลัวอะไรบางอย่างในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ อยากให้สังคมจับตามองว่าในการประชุมสภาวันที่ 8-9 ส.ค.นี้จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ หรือไม่ และหากมีการนำเรื่องนี้เข้ามาจริง พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะจัดเวทีปราศรัยต่อต้านกฎหมายล้างผิด เพื่อเปิดโปรงพฤติกรรมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง

นายเทพไทกล่าวอีกว่า ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ ออกมาถากถางให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับไปใส่เสื้อพลทหาร หลังจากที่สวมเสื้อแดงขึ้นเวทีปราศรัยนั้น ตนอยากเรียนว่า นายอภิสิทธิ์ไม่เพียงแต่ชุดพลทหารเท่านั้น แต่ชุดนายร้อยก็ใส่มาแล้ว และขณะนี้นายอภิสิทธิ์ก็สละยศแล้ว ไม่สามารถใส่ชุดทหารได้อีก แต่นายณัฐวุฒิที่ขณะนี้สวมชุดอำมาตย์ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว นายณัฐวุฒิอาจจะต้องสวมชุดนักโทษไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิออกมาเรียกร้องไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์นำปัญหาชายแดนภาคใต้มาปะปนกับประเด็นทางการเมืองว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยหยิบยกเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นประเด็นทางการเมือง แต่เป็นความรู้สึกที่ห่วงใยต่อสถานการณ์ด้วยความบริสุทธ์ใจในฐานะที่พรรคมี ส.ส.อยู่ในพื้นที่ แต่ตกอยู่ในฐานะฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะดูแลช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลชุดนี้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาพื้นที่โดยตรงกลับเพิกเฉยไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปแก้ปัญหา เห็นได้จากเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งรัฐบาลก็ไม่เคยสนใจและให้ความสำคัญที่จะส่งผู้รับผิดชอบฝ่ายการเมืองเข้าไปดูพื้นที่แม้แต่ครั้งเดียว ถ้าจะกล่าวหาว่าเรานำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมืองก็อยากถามไปยังรัฐบาลว่า ฝ่ายรัฐบาลต่างหากที่จะต้องสำรวจตัวเองว่าได้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นเพราะว่าพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายเดนภาคใต้เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่จำเป็นที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

“อยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาในพื้นที่โดยไม่เลือกปฏิบัติ มิเช่นนั้นปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะแก้ไม่ได้ ผมไม่ได้คาดหวังกับการแก้ปัญหาในพื้นที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เพราะรู้ดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีการสะสมปัญหาและมีความสลับซับซ้อน แต่ก็อยากจะให้รัฐบาลชุดนี้แก้ปัญหาประคับประคองให้สถานการณ์ทุเลาลง หรือไม่มีเหตุรุนแรงไปมากกว่าเดิม เพราะในขณะนี้มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นรายวันและนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงเกิดขึ้นเรื่อยๆ อยากให้รัฐบาลเห็นใจประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกอยู่ในอาการขวัญผวา ขาดความเชื่อมั่น ถ้าอำนาจรัฐอ่อนแอเมื่อไหร่การย่ามใจของกลุ่มก่อการร้ายก็จะมีมากขึ้นทุกวันและในที่สุดเราก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้”

นายเทพไทกล่าวว่า การที่นายณัฐวุฒิออกมาพูดเรื่องเหตุความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก เพราะคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงกลับปิดปากเงียบ ปล่อยให้คนไม่มีหน้าที่รับผิดชอบออกมาสัมภาษณ์แขวะ เสียดสี ถากถางบุคคลอื่น ควรกลับไปทำหน้าที่ของตนที่รับผิดชอบให้ดีเสียก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราคายางพาราตกต่ำที่ประกาศประกันราคาที่กิโลกรัมละ 100 บาท และ 104 บาท ซึ่งในขณะนี้ยางพารายังขายได้ในราคากิโลกรัมละ 83 บาท ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นจริงได้ตามนโยบาย ถือเป็นคำประกาศจอมปลอม หลอกลวงชาวบ้านและหากยังปล่อยไปเช่นนี้อาจจะมีการจัดม็อบเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาราคายางพาราอีก หรืออาจจะมีการเดินขบวนขับไล่นายณัฐวุฒิออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย