xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” ซัด “นพดล” ป้อง “แม้ว” ไม่ลืมหูลืมตา-อัด “เต้น” ไม่ใช่ นปช.ชุมนุมไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. ไล่ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว “นช.แม้ว” ย้อนดูคำสัมภาษณ์แกนนำ พท. หลังโดดปัดแทนนายใหญ่ไม่เกี่ยวแก้ รธน. เย้ยใครก็รู้ว่าอยู่เบื้องหลัง ชี้ “เฉลิม” ไม่กล้าโวแนวทางแก้ รธน.หาก “แม้ว” ไม่เห็นชอบ เชื่อยุบผู้ตรวจการฯ และยุบศาลมีเบื้องหลัง ดักผิดหลักถ่วงดุลตาม รธน. หากใช้สภาเลือก ป.ป.ช. จี้ “ปู” ตัดสินใจเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง ซัดหัดคิดเองอย่าโยนสภา เชื่อไม่ถอนมีชุมนุม ตอก “ณัฐวุฒิ” นักประชาธิปไตย ต้องให้สิทธิคนอื่น อัดซ้ำอย่าคิดว่าเสื้อแดงชุมนุมได้กลุ่มเดียว

วันนี้ (25 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่เบื้องหลังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ก่อนที่นายนพดลจะแก้ตัวให้นายใหญ่ ควรจะกลับไปดูการให้สัมภาษณ์ของแกนนำพรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ และการออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สัมภาษณ์ของนายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานพรรคเพื่อไทย และนายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่ต่างออกมายืนยันคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากที่เดินทางไปพบที่เกาะฮ่องกงว่าต้องการเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ดังนั้น นายนพดลไม่ควรออกมาแก้ตัวหรือกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดองฯ เพราะต่างก็รู้ว่าทั้งหมดว่า พ.ต.ท.ทักษิณคือผู้บงการที่แท้จริง

ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเสนอแนวคิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 ประเด็นนั้น ตนเห็นว่านกรู้อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าไม่มีสายตรงจากนายใหญ่คงไม่กล้าออกมาพูด เพราะอาจถูกปลดได้ ซึ่งตนเห็นว่าใน 5 ประเด็นนั้น มีส่วนที่น่าสนใจ คือ 1. การเสนอยกเลิกผู้ตรวจการแผ่นดิน ตนเชื่อว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งรัฐมนตรี 2. การควบรวมศาลให้เป็นแผนกหนึ่งในศาลฎีกา ซึ่งหมายถึงการยุบศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง เพราะเริ่มเห็นได้ว่าเป็นอุปสรรค และเป็นเสี้ยนหนามในการปกครองของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนั้นยังมีการเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่แค่จัดการเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ต้องมี กกต.ก็ได้ เพราะการจัดการเลือกตั้งสามารถโอนให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้และในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่บอกว่าต้องมาจากการคัดเลือกของรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ ป.ป.ช.ไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง และผิดเจตนารมณ์ของการตรวจสอบถ่วงดุลตามรัฐธรรมนูญ

นายเทพไทแถลงถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเสื้อหลากสี เตรียมประกาศเคลื่อนไหว และเรียกร้องให้สภาฯ ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ออกจากระเบียบวาระการประชุมของสภาฯ ว่า เรื่องนี้เมื่อดูจากท่าทีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว และโยนความรับผิดชอบไปให้สภาฯ ซึ่งนายกฯ มักใช้วิธีการปฏิเสธความรับชอบอยู่เสมอ ตนอยากเรียกร้องให้นายกฯ ฟันธงให้ชัดเจน ว่ามีแนวคิดต่อร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ อย่างไร ก่อนเปิดประชุมสภาฯ ในวันที่ 1 สิงหาคม เพราะขณะนี้หลายฝ่ายเริ่มเห็นสอดคล้องกับสิ่งที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นผู้เสนอให้ถอนร่างออกไป แม้แต่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเห็นด้วย ดังนั้น นายกฯ ควรมีความชัดเจนในเรื่องนี้ และเป็นผู้ปลดชนวนความขัดแย้ง เพราะหากถ้ายังไม่มีท่าทีที่ชัดเจน ตนเชื่อว่าจะเป็นการเรียกแขกออกมาชุมนุม

ส.ส.นครศรีธรรมราชกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ และแกนนำ นปช.ออกมากล่าวหาการชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านการออก พ.ร.บ.ปรองดองของรัฐบาลเป็นการฉวยโอกาสโค่นล้มรัฐบาลว่า นายณัฐวุฒิกำลังดูถูกและปิดกั้นการแสดงออกความเห็นของประชาชน เพราะการเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช้การโค่นล้มรัฐบาล เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลซึ่งล้วนเป็นผู้ก่อขึ้นเองทั้งสิ้น และหากรู้ว่า พ.ร.บ.ปรองดองเป็นเงื่อนไขในการล้มรัฐบาลแล้ว เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ถอน พ.ร.บ.ปรองดองที่เป็นปัญหานี้ออกไปจากสภาก็หมดปัญหาที่ยิ่งสร้างความแตกแยก ดังนั้น การออกมาพูดเช่นนี้ของนายณัฐวุฒิ อยากถามว่าต้องการชี้ให้เห็นว่า การชุมนุมของกลุ่มการเมืองนั้น สามารถทำได้เฉพาะกลุ่ม นปช.เพียงกลุ่มเดียวใช่หรือไม่ ส่วนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่พวกตัวเอง ทำไม่ได้ เมื่อออกมาใช้สิทธิแสดงออกตามกฎหมายก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ล้มล้างรัฐบาลทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากที่เคยประกาศตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่มักกล่าวอ้างมาตลอด หากประชาธิปไตยจริงก็ต้องเปิดโอกาสให้กลุ่มการเมืองอื่นแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญโดยเท่าเทียมกันไม่เลือกปฏิบัติช่นนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น