xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” จี้ “นช.แม้ว” ส่งสัญญาณไม่แก้ รธน.ม.68, 165, 309 ปิดปากลิ่วล้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์ (แฟ้มภาพ)
“เทพไท” โต้ พท. ยันตั้งเวที “ผ่าความจริงหยุดล้มรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง” เพื่อต่อต้านการแก้ รธน.และพ.ร.บ.ปรองดองที่หมกเม็ดช่วย “นช.แม้ว” พ้นผิด ไม่เคยยุยงให้ใครเผาเมือง ล้มรัฐบาล เดินหน้าจัดเวที 29 ก.ค.นี้ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น พร้อมจี้ “ทักษิณ” ส่งสัญญาณไม่แก้ ม.68, 165, 309 และปิดปากสมุนออกมาพูดรายวัย ปูดรัฐบาลเตรียมส่งคนใกล้ชิดไปเป็นเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกนักโทษหนีคดี เรียกร้อง “นายกฯ ปู” ลงพื้นที่ดูแก้ปัญหาใต้ด้วยตัวเอง ระบุไฟใต้โหมหนักแต่ไร้เงาฝ่ายบริหารลงพื้นที่

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าการจัดเวทีประชาชน “ผ่าความจริงหยุดล้มรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง” ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความแตกแยกให้สังคมว่า การที่พรรคตั้งเวทีประชาชนเป็นเจตนารมย์เพื่อต้องการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดอง ที่รัฐบาลพยายามหมกเม็ดผลักดันกฎหมายนี้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การออกไปตั้งเวทีเพื่อให้ความรู้ชี้แจงข้อเท็จจริงประชาน โดยจากการประเมินถือว่าได้ผลเกินคาด เพราะผลโพลต่างๆ เห็นได้ชัดว่าประชาชนรู้เท่าทันรัฐบาลในเรื่องร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง

ทั้งนี้ เราไม่มีเจตนาไปตั้งเวทีเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือขับไล่รัฐบาล และไม่ใช่เวทีเพื่อสร้างความแตกแยก แต่อยากให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับไปดูพฤติกรรมของตัวเองที่มีการตั้งเวทีปลุกระดมประชาชนยุยงคนมาเผาบ้านเผาเมือง เป็นพฤติกรรมที่สร้างความแตกแยกให้สังคมมาโดยตลอดหรือไม่ ดังนั้น ยืนยันว่าเราจะไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนต่อต้านรัฐบาล เพียงแต่เราต้องการให้ความจริงประชาชนรู้เท่าทันกลโกงและเล่เหลี่ยมของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้นเอง

นายเทพไทกล่าวว่า การตั้งเวทีของพรรคประชาธิปัตย์พยายามจะจัดให้ทั่วทั้งประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาของการปิดสมัยประชุมสภาฯ จึงอาจจะยังกระจายได้ไม่ทั่วทั้งประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 29 ก.ค.นี้จะมีการปิดเวทีสุดท้ายที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง และยังคงมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงก็จะมีการจัดเวทีแบบนี้อีกในทุกวันเสาร์ช่วงเปิดประชุมสภาสัมยสามัญทั่วไปด้วย โดยทางพรรคจะมีการประเมินอีกครั้งหนึ่งว่าในพื้นที่ภาคอีสานจะไปในจังหวัดใดบ้าง แต่ทางพรรคมีเป้าหมายว่าอยากจะไปจัดเวทีประชาชนที่ จ.อุบลราชธานี นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น ส่วนภาคเหนือก็อาจจะไปจัดที่ จ.แม่ฮ่องสอน ยืนยันว่าทางพรรคไม่ได้เลือกไปพื้นใดเป็นพิเศษแต่ต้องการจะไปให้ทั่วถึงทั้งประเทศ

ส่วนที่ นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงการแสดงความเห็นว่าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่รับรู้ของคนไทยว่าต่อต้าน ใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทยตลอด แม้นายนพดลจะแก้ตัวให้อย่างไร แต่กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ดังนั้น อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศให้ชัดว่า รัฐบาลพรคเพื่อไทยจะไม่แก้รัฐธรรมนูญมาตราใดบ้าง เช่น มาตรา 68, มาตรา 165, และมาตรา 309 ซึ่งกำลังเป็นประเด็นและสร้างความสับสนของประชาชนในขณะนี้ เพราะคนในพรรคเพื่อไทยต่างคนต่างพูดจนไม่รู้ว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณว่ามีแนวคิดอย่างไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราดังกล่าว เพื่อที่จะได้ปิดปากลิ่วล้อของตัวเองที่ออกมาพูดแสดงความเห็นรายวัน

นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาว่า ถือเป็นสิทธิเมื่อได้โอกาสได้วีซ่าแล้ว แต่ต้องกลับไปดูว่าเบื้องหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณที่สามารถเดินทางไปได้ทั่วโลกน่าจะเป็นเพราะผลงานของรัฐบาลที่ออกมาเคลียร์ทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางได้สะดวก ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้มีผลงานประจักษ์เรื่องนี้เรื่องเดียว ทั้งนี้ อยากให้กลับไปทบทวนว่ารัฐบาลมีผลงานอะไรโดดเด่น เพราะหากถามประชาชนเชื่อว่าคงไม่มีใครจดจำนโยบายที่ดีของรัฐบาลได้แม้แต่เรื่องเดียว การที่ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้การันตีความบริสุทธิ์ จึงเป็นเรื่องแปลกที่นักโทษหนีคดีกลับได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลไม่เคยห้ามปรามบุคคลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักโทษหนีคดี

“ที่รัฐมนตรีเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ฮ่องกงตลอดเวลา โดยให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไปอวยพรวันเกิด วิ่งเต้นตำแหน่ง และขณะนี้ก็ทราบว่ามีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าปรับเปลี่ยนเพื่อเอาคนของตัวเองไปต้อนรับหรืออำนวยความสะดวกให้ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะนักโทษหนีคดีใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงอยากจะบอกกับสังคมว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยวิจารณ์รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นรัฐบาลที่บริหารโดยเด็กสองคนนั้น ก็อยากให้ไปดูในรัฐบาลนี้ที่ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องของเด็กสองคน แต่รัฐบาลนี้บริหารงานโดยทารกมากกว่า”

นายเทพไทกล่าวถึงกรณีสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปต่างประเทศ ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าเมื่อนายกฯ กลับมาคงจะถือโอกาสลงไปดูปัญหาด้วยตัวเอง แต่ก็สร้างความผิดหวังมาก เพราะนายกฯ บอกว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางลงพื้นที่เพื่อไปดูสถานการณ์ โดยอ้างว่าจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการอารักขา จึงอยากถามว่าการอารักขากับความเดือดร้อนของประชาชนอย่างไหนจะสำคัญกว่ากัน หรือนายกฯ กลัว และไม่มั่นใจสถานการณ์อะไรในภาคใต้จึงไม่กล้าไปด้วยตัวเอง หรือกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ตอนที่ลงไปตรวจพื้นที่จากเหตุการณ์การระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนไปเรียกจังหวัดหาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯ ลงไปดูแลสถานการณ์ด้วยตัวเอง แต่หากว่ามีข้อจำกัดก็ให้ฝ่ายการเมืองคนใดคนหนึ่งหรือผู้รับผิดชอบลงไปแก้ปัญหาด้วยตัวเองก็ได้

“จากการตรวจสอบความรุนแรงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีฝ่ายการเมืองระดับนโยบายลงไปในพื้นที่เลยแม้แต่คนเดียว สิ่งที่คนในพื้นที่กำลังคิดประณามคือการแก้ปัญหาของพรรคเพื่อไทยโดยใช้วิธีการนั่งแถลงข่าวอยู่ที่ กทม.ประณามมือระเบิด ซึงทำให้คนในพื้นที่จะแถลงข่าวประณามคนที่นั่งแถลงข่าวประณามอยู่ที่กทม.อีกต่อหนึ่งเหมือนกัน ทั้งนี้ การแถลงข่าวประณามไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่นายกฯ ต้องลงไปรับทราบปัญหาและดูแลอย่างจริงใจ เพราะความรุนแรงเกิดมากผิดปกติ เราก็คาดหวัง เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ในตำแหน่งนายกฯ จึงคิดว่าควรจะเดินทางไปด้วยตัวเอง”
กำลังโหลดความคิดเห็น