xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” ข้องใจ “เหลิม-ค้อนปลอม” จี้ศาล รธน.ตัดสินตามกระแส ซัด “ไอ้ตู่” เหิมระดมแก๊งแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
ส.ส.เมืองคอน ปชป.กังขารองนายกฯ-ปธ.สภาฯ ให้สัมภาษณ์กดดันศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดีแก้ รธน.เอากระแสสังคม ชี้ต้องยึดหลักข้อเท็จจริงและกฎหมาย ฉะพยายามปลุกระดมบิดเบือนให้สังคมคล้อยตาม ไม่แปลกใจแกนนำแดงเหิมปลุกระดมเสื้อแดงล้อมศาลศุกร์ 13 ซัดจ้องทำลายศาล พร้อมหนุน หน.เพื่อไทยน้อมรับคำตัดสิน แนะปรามลูกพรรคด้วย

วันนี้ (8 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำรัฐบาลและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เรียงหน้าออกมาเคลื่อนไหวกดดันศาลรัฐธรรมนูญในรูปแบบต่างๆ ว่า อยากจะให้ทุกฝ่ายเคารพการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ควรที่จะดำเนินการใดๆ ในลักษณะกดดันเพื่อหวังผลให้ฝ่ายตัวเอง

โดยเฉพาะกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งออกมาเรียกร้องให้การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต้องดูกระแสสังคมด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เช่นเดียวกับการออกมาแสดงความเห็นของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พยายามระบุให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องนี้ ให้ยึดเอาความสงบเรียบร้อย และสถานการณ์การเมืองเป็นหลักซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ทั้งนี้การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องอยู่บนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่ควรที่จะไปสนใจกระแสของสังคม ซึ่งไม่สามารถยืนยันความผิดถูกหรือเที่ยงธรรมได้

“ไม่น่าเชื่อว่าคนเป็นรองนายกฯ และประมุขฝ่ายนิติบัญญัติจะออกมาแสดงความเห็นในลักษณะเช่นนี้ เพราะความถูกต้องของกฎหมายในบ้านเมือง กับสถานการณ์ทางการเมือง ที่เกิดขึ้น ต้องแยกแยะเป็นคนละส่วนกัน ถ้าจะเอากระแสสังคมหรือคำนึงถึงความวุ่นวาย บ้านเมืองก็ไม่สามารถที่จะดำรงหลักนิติรัฐ นิติธรรมได้ การให้สัมภาษณ์ของสองบุคคลสำคัญของฝ่ายรัฐบาล สะท้อนให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม เป็นการสร้างกระแสสังคม เพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญโดยแท้” นายเทพไทกล่าว

นายเทพไทกล่าวด้วยว่า คนเหล่านี้พยายามที่จะปลุกระดม บิดเบือนข้อเท็จจริง ให้สังคมคล้อยตามความเคลื่อนไหวของตัวเอง แล้วออกมาเรียกร้องให้ตุบลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินไปตามที่ตัวเองกำหนดและวางแผนไว้จึงไม่แปลกใจว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ประกาศระดมคนเสื้อแดงมาชุมนุม หน้าศาลรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. นี้ซึ่งเป็นวันเดียวกับการนัดอ่านคำพิจารณาตัดสิน ซึ่งถือว่าเป็นการกดดันและข่มขู่การทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงการประกาศของนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.ที่จะระดมมวลชนคนเสื้อแดง 3 แสนคน ออกมาเคลื่อนไหว กดดันศาล ก็ล้วนแล้วแต่เป็นขบวนการที่จ้องทำลายการทำงานของศาลทั้งสิ้น จึงอยากเรียกร้องให้กลุ่มคนเหล่านี้หยุดพฤติกรรมกดดัน จาบจ้วง ปลุกระดม มวลชนเพื่อรอคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะดีกว่า

ขณะเดียวกัน ตนสนับสนุนความเห็นของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมที่จะยอมรับคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณขนาดนี้แล้ว อยากให้ ส.ส.ภายในพรรค มวลชนที่สนับสนุนได้ปฏิบัติตามด้วย ไม่อยากจะให้เกิดภาพลักษณ์ว่าหัวหน้าพรรคให้ความเห็นไม่ตรงกับลูกพรรค มิเช่นนั้นก็จะสร้างความสับสน หรือมองว่าเป็นการตีสองหน้า แบ่งหน้าที่กันทำ ไม่ยึดเอาหลักการตามที่หัวหน้าพรรคซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในพรรค ออกมาให้ความเห็น และคำมั่นสัญญากับประชาชน

นอกจากนี้ นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณี “สวนดุสิตโพล” ออกผลสำรวจความเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์การเมือง ซึ่งมีตอนหนึ่งระบุว่า ประชาชนส่วนหนึ่งถึง 46.88 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าถึงการไต่ส่วนของศาลรัฐธรรมนูญจะจบลง แต่สังคมไทยยังคงมีแต่การทะเลาะเบาะแว้ง แตกแยก มุ่งแต่การเอาชนะคะคานกัน เห็นแก่ประโยชน์และพวกพ้องนั้นว่า เป็นความเชื่อของสังคมที่ว่าบ้านเมืองในขณะนี้เกิดความแตกแยกมากจนเกิดความเยียวยาได้ ตราบใดที่ยังมีความเคลื่อนไหว ของกลุ่มคนบางกลุ่มที่จะเอาชนะคะคาน ให้ตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชน มีอำนาจมากกว่าบุคลอื่นในสังคม นอกจากนี้ในส่วนของนายกรัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่ที่จะเป็นผู้นำความปรองดองที่จะเกิดขึ้นกลับไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น สวนทางสุนทรพจน์ที่กล่าวในวันรับตำแหน่งว่าจะบริหารประเทศ โดยยึดหลักแก้ไข ไม่เครียดแค้น แต่วันนี้รัฐบาลกลับดำเนินแนวทางแก้แค้น แต่ไม่แก้ไข ซึ่งถือได้ว้าเป็นความล้มเหลวในการปรองดองอย่างสิ้นเชิง

“การที่ผลโพลส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในเรื่องความปรองดอง ก็เป็นคำตอบให้กับรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าเป็นการสูญเปล่าที่จะผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองขึ้นมา เพราะยิ่งปรองดองยิ่งสร้างความแตกแยก จึงอยากให้ถอน พ.ร.บ.ปรองดองออกไปก่อน เพื่อรอคอยกระแสสังคมว่าความเชื่อมั่นจะดีขึ้นหรือไม่” นายเทพไทกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น