ทนายแดงนำ “ธิดา-เหวง-แม่น้องเกด” ไปกรุงเฮก หวังให้ศาลโลกรับคดีสลายม็อบแดงเอาผิด “มาร์ค-เทพเทือก” มึนข้อมูล “สุนัย” อ้างศาลโลกรับพิจารณาคดีแล้ว ชี้แค่อยู่ชั้นอัยการ ไม่หวั่น พ.ร.บ.ปรองดองกระทบคดี ด้าน “นางพะเยา” ให้รัฐบาลเก็บ พ.ร.บ.ปรองดองไว้ก่อนแล้วเดินหน้ากระบวนการยุติธรรมหาความจริง บอกประชาชนกินข้าวลอกไม่ได้ ติง ปชป.เลิกต้านแก้ รธน. ชี้เป็นความต้องการของประชาชน
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ (25 มิ.ย.) นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช., นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. และนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามฯ เมื่อปี 2553 กำลังจะกำลังเดินทางไปที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการยื่นเรื่องขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ ไต่สวนเกี่ยวกับการสลายการชุมนุม ซึ่งยื่นเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดต่อมวลมนุษยชาติ ต่อประชาชนอ่ย่างกว้างขวางและเป็นระบบ ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญที่ศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่
โดยขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศกำลังสอบพยาน ดังนั้น การเดินทางครั้งนี้ตนจึงพานางพะเยา อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมนเกด และน้องชายของ น.ส.กมนเกดไปให้ข้อมูลต่ออัยการในวันที่ 26 มิ.ย. ส่วนการให้สัตยาบันในภาคีธรรมนูญกรุงโรม ที่รัฐบาลยังไม่ดำเนินการนั้นเป็นประเด็นปลีกย่อย เชื่อว่าไม่กระทบเพราะแม้จะไม่ลงนามก็ไม่น่าจะทำให้ศาลไม่รับพิจารณา เพราะโดยพฤติกรรมได้เกิดการก่ออาชญากรรมไปแล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าจะได้รับคำตอบเลยว่าอัยการจะส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาหรือไม่
ส่วนที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ระบุศาลอาญาระหว่างประเทศได้รับคำร้องไว้พิจารณาแล้วนั้น นายคารมกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายสุนัยใช้ข้อมูลส่วนไหน แต่โดยหลักแล้วการที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะพิจารณาต้องผ่านอัยการก่อน และขั้นตอนจากนี้จะเป็นเรื่องที่ตนกับแม่น้องเกดจะไปให้ข้อมูลว่าทำไมจะดำเนินคดีกัต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะขณะนี้กระบวนการในประเทศเอาผิดต่อบุคคลทั้งสองไม่ได้
ส่วนการออก พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองระหว่างประเทศ หรือความจริงแล้วคือการนิรโทษกรรม ไม่น่าส่งผลต่อการพิจาณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่ในทางกลับกันยิ่งออกนิรโทษกรรมจะทำให้พ้นผิดเท่ากับปกป้องผู้กระทำความผิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้กระทำผิด เพราะตามกฎหมายของศาลอาญาระหว่างประเทศมีการระบุว่าจะพิจารณาเฉพาะคดีที่ไม่มีการพิจารณาคดีในประเทศนั้นๆ แต่ในคดีนี้เมื่อมีการนิรโทษกรรมก็ต้องแยกกัน เพราะการออกกฎหมายนิรโทษหรือการปรองดองเป็นอีกเรื่องหนึ่งและทำให้ผู้ทำผิดไม่ต้องรับผิด แต่ที่ศาลโลกจะพิจารณาว่าศาลของประเทศที่เป็นรัฐภาคีไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพไม่ถูกดำเนินคดีที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เป็นเงื่อนไขมากกว่า ส่วนนิรโทษกรรมที่พ้นผิดยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าจะมีผลตามกฎหมายตามมาหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลอะไรเพราะน่าจะดูตามเวลาที่มีการไต่สวนคำร้องเป็นหลัก
ด้าน นางพะเยา อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมนเกด กล่าวว่า ไม่ห่วงว่าการออก พ.ร.บ.ปรองดองหรือนิรโทษกรรมจะมีผลต่อการพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ ตนไปในฐานะผู้สูญเสียที่อยากไปแถลงข้อมูลต่ออัยการเพราะลูกไม่ควรมาเสียชีวิตต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ กระบวนการประเทศไทยมีเครื่องหมายกาชาด ไม่มีผลต่อเจ้าหน้าที่รัฐเลยหรือ เพราะที่ผ่านมามีการอ้างระบบสากลอยู่ตลอด แต่ลูกของตนเป็นอาสากาชาด เรียนมาโดยตรง โดยตนจะแถลงปากเปล่า มีล่าม แต่จะไม่อ่านสคริปต์
“อยากให้รัฐบาลควรชะลอการออกกฎหมายปรองดองออกไปก่อน ไม่มีใครขวางการปรองดอง แต่เขาขวางเรื่องการนิรโทษกรรม รัฐบาลต้องมองความรู้สึกของประชาชนว่ามีส่วนอื่นที่สามารถทำได้ดีกว่านี้ เช่น ให้กระบวนการยุติรรมดำเนินไป และคดีนี้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาลจึงถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจะมอง ไม่ใช่ว่าจะให้ประชาชนลืมๆ กันไป จึงขอค้านเรื่องนี้เต็มที่ ปรองดองอย่างอื่นไม่ว่า อยากให้ฟังเสียงค้านของประชาชน เพราะเขาไม่ได้ขวางเรื่องปรองดอง แต่ขอเรื่องนิรโทษฯ เรื่องเดียว ถ้านิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกสีเสื้อที่โดนคดีการเมือง ทุกคนสนับสนุน แต่ควรต้องหาความจริงก่อน แต่ถ้ารัฐบาลคิดจะพลิกเกมคือนิรโทษฯ ทั้งหมด ดิฉันคิดว่าเป็นไปได้ยาก เพราะประชาชนกินข้าว เขามองการต่อสู้ต้องการเหตุผล ต้องการประชาธิปไตย ให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่สังคมโลกได้ แต่มาติดกับกฎหมายเก่าๆ ที่นักการเมืองพยายามเอามาใช้ จึงอยากถามรัฐบาลว่าช่องทางที่รัฐบาลเดินอยู่มีหลายเรื่องก็ควรเอามาแก้ปัญหา แต่ พ.ร.บ.ปรองดองเก็บใส่ลิ้นชักไป เอาเรื่องอื่น เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ เราเห็นด้วย เพราะประชาชนร่วมต่อสู้ และฝากถึงฝ่ายค้านว่าตนจำได้ว่าหลังมีการรัฐประหาร มีการบอกว่าให้รับร่างรัฐธรรมนูญ 50 ไปก่อน หากมีปัญหาแล้วมาแก้ทีหลัง เมื่อประชาชนรวมกันแก้ไขก็อย่าลืมคำพูด อย่ามองว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลเพราะเป็นความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ อย่ามองแค่นักการเองอย่างเดียว เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องแก้บิดพริ้วไม่ได้” นางพะเยากล่าว