xs
xsm
sm
md
lg

“เต้น” ชี้ พธม.สบช่องป่วนรัฐฯ อ้างยังไม่ลุยวาระ 3-พ.ร.บ.ปรองดองทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(แฟ้มภาพ)
“ณัฐวุฒิ” ยังเชื่อเดินหน้า พ.ร.บ.ปรองดองพร้อมแก้ รธน.ประเทศได้ประโยชน์ รับไม่แปลกใจพันธมิตรฯ คัดค้าน อ้างยังไม่ได้พิจารณาทันที พร้อมยกเป็นนโยบายที่แถลง เป็นเหตุไม่ถอนร่างออก
 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์" 

วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แถลงข่าวคัดค้านการเดินหน้าพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ พร้อมระบุว่าจะออกมาชุมนุมใหญ่ ว่า ตนคิดว่าท่าทีแบบนี้เป็นเรื่องเดิมและเรื่องเดียวที่กลุ่มฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพยายามทำมาตลอด คือการหยิบทุกประเด็นมาเป็นเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อสร้างแรงเสียดทานให้กับรัฐบาล โดยเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่กฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งแต่ไม่ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้อยู่บริหารประเทศต่อไปได้ ทั้งที่ข้อเท็จจริงร่างกฎหมายที่ถูกบรรจุไว้ในร่างของการประชุมสภานั้นไม่ได้หมายความว่าจะหยิบยกมาพิจารณาทันทีทันใด ซึ่งกรณีแบบนี้เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง คือเมื่อมีการบรรจุในระเบียบวาระและที่ประชุมเห็นว่าควรจะเลื่อนเรื่องอื่นขึ้นมาพิจารณาก่อน ก็สามารถทำได้ ฉะนั้นไม่เป็นเงื่อนไขอะไรเลยที่จะประกาศออกมาชุมนุมใหญ่ ในเมื่อรัฐบาลไม่ได้หยิบเรื่องนี้มาเดินหน้าในทันที และมีหลายฝ่ายเตรียมการตั้งเวทีเสวนาและหลายฝ่ายได้แสดงความเห็นออกมาชัดเจนว่าจะต้องมีการพูดคุยและดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบครอบรัดกุม

“ทำให้เห็นว่าเรื่องรัฐธรรมนูญยังจัดการรัฐบาลไม่ได้ก็หันกลับไปหยิบเรื่องปรองดองขึ้นมาทำอีก สมมุติถ้าหากรัฐบาลถอนเรื่องรัฐธรรมนูญออกไป ถอนพ.ร.บ.ปรองดองออกไปก็อาจจะมีเสียงตะโกนออกมาอีกว่ารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการตามที่แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีก ผมอยากให้ประชาชนตั้งสติและมองให้ชัดว่าอะไรคือเนื้องาน อะไรคือการเมือง ถ้าท่าเข้าใจแบบนี้ก็จะเห็นภาพเดิมๆ กลุ่มคนเดิมๆ เห็นวิธีการเดิมๆ พยายามเคลื่อนไหวกันเต็มไปหมด” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าถ้าหากรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรียังยืนหยัดที่จะเดินหน้าผลักดันนโยบายทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนก็จะได้รับการสนับสนุน ยิ่งฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวด้วยเหตุผลที่อ่อนแอลงทุกวันก็จะยิ่งทำให้การสนับสนุนของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลเข้มแข็งขึ้นทุกวัน เพราะไม่มีเหตุผลที่จะให้ถอนพ.ร.บ.ปรองดองถ้าไม่ถอนจะชุมนุมใหญ่ทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะบานปลายหลังเปิดประชุมสภา นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องพยายามดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง พยายามสื่อสารอธิบายข้อเท็จจริงต่อพี่น้องประชาชน ส่วนฝ่ายที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายสับสนนั้น เขาก็ต้องทำทุกวิถีทางอยู่แล้ว แต่ตนคิดว่าหากเรานึกถึงบ้านเมืองและประชาชนที่กำลังมีความหวังว่าสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะยุติลงได้อย่างน้อยก็ชั่วเวลาหนึ่งเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แต่เมื่อประกาศแบบนี้จะทำให้ประชานกังวลใจ และตนแน่ใจว่าประชาชนคงไม่เอาด้วย

เมื่อถามว่า แต่ละฝ่ายทั้งเหลืองและแดงต่างมีจุดยืน ในฐานะรัฐบาลจะทำอย่างไรในการไกล่เกลี่ย เพื่อความสงบของประเทศ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรากำลังพูดถึงคำว่าการสร้างความปรองดอง เพียงแต่ว่าวันนี้คำว่าปรองดองของทุกฝ่ายยังไม่ตกผลึกร่วมกัน ก็อาจต้องใช้เวลาในการปรึกษาพูดคุยกันอีก ตนเห็นว่ากลุ่มพธม.ที่เดินเป็นการพยายามเร่งสถานการณ์หรือหาจังหวะในการลงมือซ้ำเข้ามาเรื่อยๆเพื่อให้รัฐบาลตกอยู่ในสภาพตั้งรับตลอดเวลา แต่อย่าลืมว่าการเปิดเชิงรุกหากไม่มากับเหตุผลที่ชอบธรรมก็ยากที่จะได้รับการสนับสนุน

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะทบทวนถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออก เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น เนื่องจากหลายฝ่ายยังค้างคาใจในเรื่องนี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อยู่ที่ทางสภาจะหารือกัน แต่ความเห็นของตนคือจะถอนหรือไม่ถอนขบวนการจ้องล้มรัฐบาลก็ยังเดินหน้าเหมือนเดิม และตนเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าการมีอยู่ในระเบียบวาระของพ.ร.บ.ปรองดองไม่ใช่เงื่อนไขที่แท้จริงในการออกมาชุมนุมใหญ่ เพราะเงื่อนไขเดียวคือไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ไม่ใช่กฎหมายไหนไปคา แต่พรรคเพื่อไทยมาคาอยู่ในอำนาจบริหารที่คนบางกลุ่มไม่ต้องการเท่านั้นเอง ซึ่งตนคิดว่าผู้ที่จ้องล้มรัฐบาลนั้นเป็นกลุ่มเดิม แต่บทบาทที่แสดงออกมาเป็นไปตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การสร้างความปรองดองรัฐบาลประกาศเดินหน้า ส่วนพ.ร.บ.ปรองดองเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เราเชื่อว่าจะทำให้ประตูปรองดองเปิดขึ้นมาได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะอาจจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญให้กติกาสูงสุดเป็นที่ยอมรับ และอาจจะมีเรื่องอื่นๆประกอบกันจึงเป็นความปรองดองของคนในชาติ ฉะนั้นพ.ร.บ.ปรองดองจึงไม่ใช่เงื่อนไขทั้งหมดของสถานการณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น