“ณัฐวุฒิ” เหน็บ “อภิสิทธิ์” ผิดปกติใส่เสื้อแดงขึ้นเวที ชี้เพราะอยากเป็นนายกฯ อ้างไม่เข้าใจประชาธิปไตย ไล่ไปใส่ชุดทหาร ยันแก๊งแดงแกร่งขึ้น เชื่อฝ่ายตรงข้ามลุยหลังเปิดประชุมสภา รับ พท.ส่วนใหญ่ให้แก้ รธน.รายมาตรา ส่วนเสื้อแดงรอความชัดเจน แต่เห็นควรให้ยกร่างทั้งฉบับ พร้อมแนะดอง พ.ร.บ.ปรองดอง อย่าเพิ่งถอนออกมา สวน “เทพไท” ให้ ครม.สัญจรใต้ เพื่อหวังผลการเมือง ย้ำรัฐฯ เต็มที่แก้ปัญาชายแดนใต้
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สวมเสื้อสีแดงขึ้นเวทีปราศรัยพรรคประชาธิปัตย์ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พร้อมประกาศทวงสีของชาติคืนว่า ช่วงหลังๆ มานี้การแสดงออกของนายอภิสิทธิ์เริ่มมากขึ้นทุกวัน อยู่ในขั้นที่ประชาชนต้องพิจารณา เพราะการแสดงออกต่างๆ นั้นกำลังอธิบายว่านายอภิสิทธิ์มีอาการผิดปกติ อย่างการสวมเสื้อสีแดงขึ้นเวที แล้วอยากให้คนเสื้อแดงสนับสนุนนั้น ก็ต้องอธิบายว่า ประเด็นทางการเมืองที่เป็นอยู่วันนี้ไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อหรือใส่เสื้อสีอะไรต้องเป็นพวกเดียวกัน จนลืมเหตุผลและหลักการของประชาธิปไตย
“สีเสื้อแค่สัญลักษณ์การรวมกลุ่ม แต่หัวใจอยู่ที่จิตวิญญาณประชาธิปไตย ตรงนี้นายอภิสิทธิ์ไม่เคยเข้าใจตลอดมา ถ้าเข้าใจคงไม่มีประชาชนถูกยิงด้วยสไนเปอร์เป็นร้อยชีวิต ไม่มีนายกฯที่ชี้ทุกนิ้วไปที่คนอื่นให้รับผิดชอบแทน โดยที่ตัวเองไม่เคยรับผิดชอบอะไร” นายณัฐวุฒิระบุ
แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวอีกว่า หากนายอภิสิทธิ์ต้องการแต่งกายให้ประชาชนพอใจ เวลานี้ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อสีแดง แต่ควรที่จะใส่ชุดพลทหารเพื่อสื่อไปถึงคนทั้งประเทศว่าลูกชาวบ้านคนยากจนต้องเกณฑ์ทหารอย่างไร นักเรียนนอกคนมั่งมีอย่างนายอภิสิทธิ์ก็ต้องเกณฑ์ทหารด้วย และหากการหนีทหารเป็นการทำผิดกฎหมาย นายอภิสิทธิ์ควรแสดงความชัดเจนต่อสังคมในเรื่องนี้ การสวมเสื้อสีแดงของนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำให้คนเสื้อแดงอ่อนแอหรือแตกแยก ตรงกันข้ามกับทำให้คนเสื้อแดงเข้มแข็ง เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำด้วยความจริงใจ แต่มีเป้าหมายทางการเมือง
“ไม่ต่างอะไรกับการที่คนอยู่ในบ้านดีๆ แล้วมีแมลงสาบกำลังจะเข้าบ้าน ก็เป็นธรรมดาที่คนในบ้านต้องรวมตัวกันต่อต้านก็เท่านั้นเอง” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินการเมืองหลังเปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 1 ส.ค.นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็คงจะเคลื่อนไหวเต็มที่นายอภิสิทธิ์คงจะมีการอาการมากขึ้น คราวต่อไปขึ้นเวทีอาจจะถือหัวใจตบ หรือตีนตบหรืออาจถึงขั้นร้องเพลงคนเสื้อแดงบนเวที และคิดว่าอาการนายอภิสิทธิ์จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ สังคมต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ตนไม่นึกว่าเวลาคนเราอยากเป็นนายกฯมากๆอาการจะออกมาแบบนี้ได้
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนท่าทีจากการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เป็นการแก้ไขรายมาตรานั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ข้อสรุปยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขเป็นรายมาตราจริงหรือไม่ เพียงแต่ความเห็นเชิงแก้ไขเป็นรายมาตรามีมากขึ้นจากหลายกลุ่มภายในพรรค ซึ่งเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อสถานการณ์เต็มไปด้วยกับดัก จึงต้องประเมินสถานการณ์ให้ครบถ้วน หากต้องเดินไปทางใดทางหนึ่งก็คาดว่าพรรคเพื่อไทยและประชาชน จะเดินไปอย่างเป็นเอกภาพภายใต้ความเข้าใจที่ตรงกันว่าทุกก้าวย่างต่อจากนี้ ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการตัดสินใจแก้ไขเป็นรายมาตราจริง อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการหารือว่าพรรคตกลงไปในแนวทางใด เมื่อมีความชัดเจนแล้วก็น่าจะชวนหลายที่เกี่ยวข้องมาหารือกัน รับฟังความคิดเห็นกัน เพราะเวลานี้ก็ฟังความเห็นผ่านสื่อมวลชน แต่เป็นเรื่องสำคัญของคนที่ทำงานด้วยกันน่าจะได้มานั่งคุยกัน แล้วแจกแจงเหตุผลมุมมองให้ครบถ้วนก่อนประกาศอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาอย่างเป็นทางการ ส่วนว่าหากมีความชัดเจนว่าจะแก้รายมาตราคนเสื้อแดงจะเสนอแก้มาตราไหนหรือไม่นั้นเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีหลายส่วนที่ต้องแก้ไข จึงเห็นว่าควรมีการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยกเว้นหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดยืนเดิม ดังนั้นในแต่ละมาตราหากมีการแก้ไขถึงเวลานั้นต้องมีประชุมกันอีกที โดยต้องมาดูว่าจะแก้อะไรบ้างและแก้อะไรก่อนหลัง หรือถ้าจะเดินหน้าโหวตวาระ 3 ก็ต้องมารับฟังความเห็นกันอีกที
เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ.... ออกจากวาระประชุมสภาฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเราเสนอร่างกฎหมายต่อสภาฯและบรรจุเป็นระเบียบวาระแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบถอน หรือดึงออกมา หากสภาฯเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะหยิบมาพิจารณา ก็อาจจะมีมติหยิบยกกฎหมายอื่นมาพิจารณาก่อนได้ เป็นเรื่องที่ทำทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะร่างกฎหมายนี้ กฎหมายอื่นก็มีวิธีการแบบนี้ ฉะนั้นส่วนตัวตนไม่มีความคิดที่จะขยับออกมา
นายณัฐวุฒิ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นข้อเรียกร้องที่เจือปนไปด้วยวัตถุประสงค์ทางการเมือง สิ่งที่เกิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้ทุกคนเจ็บปวดและเสียใจไม่มีรัฐบาลไหน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์ไม่พยายามที่จะแก้ปัญหา แต่ปัญหามีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง ต้องใช้เวลา ทุกรัฐบาลทุ่มเทกันมามาก แต่ในความพยายามของทุกฝ่าย การแก้ไขก็ยังไม่สำเร็จ จึงต้องพยายามกันต่อไป
“เมื่อเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าในพื้นที่ก็ไม่น่ามีฝ่ายใดผูกโยงเป็นการเมือง วิญญูชนฟังนายเทพไทพูดก็เข้าใจได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การประชุม ครม.สัญจร แต่จะกระแทกรัฐบาลว่าให้ไปลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังทั้งที่พยายามดำเนินการมาตลอด ยืนยันว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นความพยายามของทุกรัฐบาลและคนทั้งประเทศเอาใจช่วย” รมช.เกษตรฯ กล่าว