“ศันสนีย์” เผยมติ ครม.ให้ปรับเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบภาคใต้ สร้างศูนย์ฝึกอบรมพัฒนา อส.ในพื้นที่ แถมเพิ่มวันหยุดราชการในชายแดนใต้ ด้านนายกฯ สั่ง “เหลิม-ปุ้ม” ถก สมช.แก้ปัญหาชายแดนใต้ เล็งขยายเวลาภาษายาวีทางทีวี เพื่อสื่อสาร ปชช.-มั่นคลายปัญหาได้ หลัง ครม.สัญจรลงพื้นที่อีสานใต้ ส่งปลัดนายกฯ สอบการบุกรุกอุทยานทับลาน-สั่งกฎษฎีกาไปศึกษา คำวินิจฉัยศาล รธน. มอบ “ยงยุทธ” ศึกษาสมดุล 3 อำนาจใน รธน. พร้อมถก ปชช.เรื่องบทบัญญัติ
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2555 และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ และมติของ ครม.ที่เกี่ยวข้องในเรื่อง 1. การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนที่เสียชีวิตและทุพพลภาพ จากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอรับการจัดสรรงบประมาณ จากเงินงบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2558
2. แนวทางการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งประจำท้องถิ่น ของกองกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และกำลังประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย โครงการฝ่ายทหารปฏิบัติหน้าที่ประจำกองร้อย อส. การก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมกองกำลังประจำถิ่นและกำลังประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา การเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิก อส. ให้แก่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นแนวทางสันติสุข 3.ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาเพิ่มเติม เพื่อก่อสร้างอาคารหอพักนักศึกษา พร้อมครุภัณฑ์ประจำอาคาร มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลาวิทยาเขตสตูล จำนวน 1 หลัง 4. โครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเล ร่องน้ำปัตตานี 5. โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์มัสยิดกลาง จ.สงขลา และ 6. แก้ไขเพิ่มเติมการจ่ายเงินยังชีพรายเดือนผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ น.ส.ศันสนีย์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการประจำปี เพิ่มเติมอีก 1 วัน และให้วันตรุษอีดิ้ลฟิตรี วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา และวันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลาด้วย รวมถึงเรื่องการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือว่าด้วยทุนการศึกษาระหว่าง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กับองค์กร Muhammadiyah มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดทำรายละเอียดเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งในที่ประชุมครม.ถึงการเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ใน 3 เสาหลัก คือ 1. ด้านประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน 2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และ 3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน โดยให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สรุปผลการประชุมอย่างเป็นทางการ และมอบให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในงานที่ได้มอบหมายให้ พร้อมให้กำหนดวันประชุมหารือต่อไป
น.ส.ศันสนีย์เปิดเผยด้วยว่า ในส่วนปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกฯได้มอบให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำงานร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการศึกษาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางป้องกันและแก้ไข เพื่อนำพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่พื้นที่ที่เป็นสังคมสันติสุข โดยนายกฯได้เน้นเรื่องการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งปัจจุบันได้มีการสื่อสารในภาษายาวีทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (ช่อง 11) และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 วันละประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ใช้สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวในเวลาที่จำกัดในการสื่อสารกับประชาชน นายกฯ จึงเล็งเห็นว่าน่าจะมีการพิจารณาให้ขยายเวลาในการทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น
น.ส.ศันสนีย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวในที่ประชุมถึงการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนในจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ในการประชุม ครม.สัญจรในครั้งนี้หลายเรื่อง โดยจะสรุปให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และขอให้ทุกกระทรวงที่มีหน้าที่คลี่คลายปัญหาที่ได้รับเรื่องร้องเรียน มาพิจารณาในการแก้ไขและแจ้งกลับมายังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ ทราบผลด้วย ส่วนกรณีปัญหาการรื้อทำลายรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี นั้น นายกฯ ได้ขอให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
น.ส.ศันสนีย์กล่าวด้วยว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยกลางและส่วนตนที่ยกคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า หลังจากที่ได้อ่านพร้อมกันทั้งคำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนตนแล้ว พบว่ายังมีบางส่วนที่ไม่เหมือนกัน และทาง ครม.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน จึงมอบให้คณะกรรมการกฎษฎีกาไปศึกษา และพิจารณาเพื่อหาข้อยุติของความหมายข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนที่สุด ทั้งนี้ ในระหว่างรอผล นายกฯ ได้มอบหมายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ไปศึกษาหากลไกในการให้ประชาชนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็น เพื่อสร้างเสริมความสมดุลของทั้งสามอำนาจในรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้การบริหารแผ่นดินเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และให้ประชาชนเข้าใจในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ