ผอ.พท.เผย ยุทธศาสตร์พรรค เตรียมทำความเข้าใจ ปชช.เรื่องแก้ รธน.-พ.ร.บ.ปรองดอง พร้อมเช็กความนิยม ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ และสอบการทำงาน รมต.ด้าน “วิชาญ” จี้พรรคดูแลชาว กทม.หลังขาดโอกาสตามนโยบาย แนะเร่งคัดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ชี้ ไม่ได้รับเลือกกระทบพรรค ส่วน “สามารถ” ยันลุยวาระ 3 ห้ามถอน พ.ร.บ.ปรองดอง และเร่งแก้ราคาข้าว ติงงบถูกกินเปอร์เซ็นต์
วันนี้ (29 ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย แถลงสรุปผลการประชุมกลุ่มย่อยของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทั้ง 5 ภาคทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางสำหรับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นำไปปรับใช้แก้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะมีโครงการทำสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์นโยบายที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และนโยบายที่กำลังจะดำเนินการ ซึ่งจะเน้นให้วิปรัฐบาลทบทวนการทำหน้าที่ให้ชัดเจน โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจกับประชาชนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พระราชบัญญัติการสร้างความปรองดอง พร้อมเสนอให้กรอบการทำงานของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีความชัดเจนมากขึ้น และจะเพิ่มจำนวน ส.ส.เข้าไปเป็นองค์ประชุมคณะกรรมยุทธศาสตร์พรรค เพื่อจะได้รับฟังปัญหาโดยตรงจาก ส.ส.ในพื้นที่ รวมทั้งพรรคจะต้องมีกลไกตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรี เช่นเดียวกับพรรคที่จะต้องส่งคนลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการทำงานของ ส.ส.เพื่อตรวจสอบคะแนนนิยมที่ประชาชนมีต่อตัว ส.ส.
ด้าน นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ตัวแทน ส.ส.กรุงเทพมหานคร กล่าวสรุปเพิ่มเติมการสัมมนาว่า รัฐบาลควรทบทวนนโยบายการจัดการโครงของรัฐบาลที่ลงไปไม่ทั่วถึง ชาวกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นเขตปกครองพิเศษ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากขาดโอกาสที่จะได้รับสิทธิ์ตามนโยบายที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้กับประชาชน พร้อมฝากคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เร่งเดินหน้ากำหนดแผนรองรับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากตัวแทนของพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับการเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการดำเนินนโยบายในอนาคต
ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย ตัวแทน ส.ส.โซนภาคเหนือ ยืนยันข้อสรุปว่า รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 โดยหลักสำคัญจะต้องแก้ไขทั้งฉบับ และตั้ง ส.ส.ร.มาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลต้องไม่ถอนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติปรองดองออกจากการพิจารณา แต่ควรดูความเหมาะสมในช่วงเวลา เพื่อเปิดสานเสวนา นายสามารถ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องลงมาดู และแก้ไขปัญหาการรับจำนำข้าว เพราะมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินก็อย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะจากการลงตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีบางโครงการที่มีการทุจริต
