“อภิสิทธิ์” เผยเหตุสวมเสื้อแดงปราศัยเพื่อจุดยืนไม่เห็นด้วยกฎหมายนิรโทษกรรม ยกเสื้อแดงก็รู้สึก ชี้ “นช.แม้ว” ผู้ได้ประโยชน์ตัวจริง รับสลายสีเสื้อทำได้ยาก แนะควรฟังข้อมูลทั้งสองฝ่าย ย้อนรัฐฯ ไม่ถอน พ.ร.บ.ปรองดอง-วาระ 3 เพื่อประโยชน์ใคร จี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความรุนแรง อย่าเพิ่มความขัดแย้ง หลัง พธม.ประกาศชุมนุมใหญ่ถอน พ.ร.บ.ปรองดอง แนะสานเสวนาต้องเป็นคนกลาง พร้อมมีองค์กรอิสระพูดคุย
วันนี้ (30 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการใส่เสื้อสีแดงในเวทีผ่าความจริงหยุดล้มรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกงที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง วันที่ 29 ก.ค. 55 ว่า ตนต้องการสื่อสารกับคนไทยว่าประเด็นเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิด เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งคนเสื้อแดงต้องแสดงจุดยืน เพราะพี่น้องเสื้อแดงคือกลุ่มที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุความรุนแรง แต่กฎหมายฉบับนี้จะล้างผิดให้คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งความจริงเป็นเพียงแค่ความต้องการจะพ่วงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าไปได้ประโยชน์จากกฎหมายนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ดังนั้นปัญหาเรื่องการปรองดองไม่ควรจะทะเลาะระหว่างคนที่ใส่เสื้อคนละสี แต่ต้องตั้งหลักว่าหลักการที่ถูกต้องของบ้านเมืองคืออะไร และหลักการให้อภัยจึงตามมาหลังจากที่แยกแยะแล้วว่าคนกลุ่มไหนที่สมควรได้รับการให้อภัย แต่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับคนที่จงใจใช้ความรุนแรง คือคนที่ทุจริตคอร์รัปชัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสลายการใช้สีมาเป็นสัญลักษณ์ความขัดแย้ง เพราะต่างฝ่ายต่างรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกัน แต่ตนเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เพราะหากแต่ละฝ่ายไม่สนใจข้อมูลของอีกฝ่ายหนึ่งบ้านเมืองก็เดินไปยาก
ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะยังเดินหน้าทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดอง โดยไม่ถอนออกจากการพิจารณาของสภานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการอะไร รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยนายกฯ ก็พูดชัดว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือถอย ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำเป็นประโยชน์ส่วนบุคคลได้สร้างความขัดแย้งต่อบ้านเมือง ดังนั้น รัฐบาลต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม การถอนทั้งสองเรื่องออกไปไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ แต่การคาเอาไว้แม้จะยังไม่เดินต่อในขณะนี้ก็เป็นปมสร้างบรรยากาศความอึมครึม ความไม่แน่นอน ความขัดแย้ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาล เพราะฉะนั้น ถ้ารัฐบาลต้องการแก้ปัญหาของประชาชน ต้องขจัดเงื่อนไขเหล่านี้ออกไป ไม่เช่นนั้นก็เป็นเหมือนระเบิดเวลาค้างอยู่อย่างนี้ เพียงเพราะว่าเป็นเป้าหมายของคนบางคนเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเห็นแก่ส่วนรวมและประชาชน เพื่อจะได้แก้ปัญหาหลายเรื่องที่น่าเป็นห่วง ทั้งปัญหาภาคใต้ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ปัญหาการส่งออกติดลบ การสูญเสียแชมป์การส่งออกข้าว ปัญหาสินค้าราคาแพง ความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ประชาชนคงอยากเห็นรัฐบาลและรัฐสภาทุ่มเทกับการแก้ปัญหาเหล่านี้มากกว่าจะจมอยู่บนความขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศว่าแม้จะไม่เดินหน้า พ.ร.บปรองดอง แต่หากมีการค้างอยู่ในวาระการประชุมสภาก็จะมีการชุมนุมใหญ่ รัฐบาลควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าทำไมรัฐบาลไม่ขจัดเงื่อนไขความขัดแย้งออกไป เรื่องการปรองดองที่ถูกต้องและรัฐธรรมนูญสามารถตั้งหลักปรึกษาหารือกันได้ แต่ถ้ายังค้างตัวร่างที่เป็นปัญหาไว้ ความขัดแย้งก็จะดำรงอยู่ต่อไป
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการทำสานเสวนาประชาชน เพื่อหาข้อยุติในสังคม ควรจะใช้หลักการแรกคือให้คนกลางมาเป็นเจ้าภาพในการจัดทำการสานเสวนา ไม่ใช่รัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐทำเอง โดยระหว่างการทำสานเสวนาไม่จำเป็นต้องมีร่างกฎหมายคาไว้ในสภา เพราะสามารถพูดคุยในกรอบที่มีคณะกรรมการอิสระ องค์กรอิสระ หรือองค์กรกลางทั้งหลายมานำเสนอได้อยู่แล้ว และกฎหมายที่ค้างอยู่ในสภาก็ไม่ได้มีฐานจากความคิดเรื่องการปรองดอง แต่เป็นโจทย์ในความพยายามหาทางลบล้างความผิดและคำพิพากษาที่มีผลต่อ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น