รองนายกฯ เผยเตรียมชุดล่วงหน้ารับมือม็อบ ปัดจัดแบล็กฮอว์กพาตุลาการหนีม็อบ เชื่อเหตุการณ์ไม่บานปลาย เหน็บทหารปลดแอกแค่พวกรับจ้าง พยายามขอร้องอย่าปะทะ ด้าน ส.ส.เสื้อแดงปากน้ำจองเวรไม่เลิก เรียกทนายสมุนฟ้องศาลแพ่งเบรกตัดสินศุกร์ 13 อ้างช่วงเลือกตั้งจ่ายมาเยอะ ยันคำเดิมนักการเมือง “ส.-น.” จับมือกลุ่มน้ำเมาจ้องล้ม “ปู”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ให้สัมภาษณ์"
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนและคัดค้านว่า ฝ่ายข่าวรายงานว่ามีการเตรียมการในเรื่องนี้แล้วโดยจะจัดชุดล่วงหน้าไปเตรียมพื้นที่ แต่เราคงจะดูว่าการตัดสินของศาลจะออกมาในรูปไหน
“สำหรับการเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มเรามีการระมัดระวังเต็มที่ และผมขอแก้ข่าวว่าผมยังไม่ได้สั่งการทางทหาร เพียงแต่ในการประชุมวานนี้ (11 ก.ค.) ทางรองเจ้ากรมข่าวทหารและเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ ได้รับการติดต่อจากตำรวจในพื้นที่ว่าขอให้พร้อมสนับสนุนด้วย ซึ่งมีการคุยกันว่าจะใช้กำลังสารวัตรทหารมาดูแล เรื่องทั้งหมดมีการเตรียมการแต่ยังไม่ได้สั่งการ รอตำรวจร้องขอมา โดยมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม จะเป็นคนสั่งการในกองทัพ และยืนยันว่าไม่มีการเตรียมเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก เรื่องไม่ถึงขนาดนั้น มันตลก ใครไปพูด ส่วนการชุมนุมรอบศาลเขาก็มีไปชุมนุมบ้าง แต่ในศาลคนจะเข้าไปได้คือเจ้าหน้าที่และจะต้องมีการตรวจสอบอาวุธ อาการเมามายที่จะสร้างปัญหาขึ้น” รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการดูแลทหารปลดแอกผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีการจ้างหรือจัดตั้งกันมา ตนก็รู้ว่าใครเป็นคนดำเนินการ ทุกอย่างเราทราบหมด แต่ส่วนใหญ่เขาก็อยู่ที่เดิมเขาบอกว่าถ้าไม่ดำเนินการกระทบกระเทือนสถาบัน เขาก็จะอยู่อย่างนั้น และตนพยายามขอร้องไม่ให้แต่กลุ่มเข้ามาปะทะกัน โดยเฉพาะเสื้อแดงถ้าเรามีการเตรียมการไว้ความรุนแรงจะไม่เกิด เมื่อถามว่าหากสถานการณ์รุนแรงถึงยุบพรรคจะดูแลสถานการณ์อย่างไรไม่ให้รุนแรง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เรายังกั้นไว้เท่านั้น เพราะเรายังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการปิดถนนหรืออะไร เพราะการกระทำยังไม่เกิด เวลาคนเราจะพูดไว้ก่อนก็พูดได้ แต่ยังไม่มีการกระทำ
เมื่อถามถึงการเดินทางไปเยือนกัมพูชาพร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ท่านได้สั่งการให้กองทัพร่วมคณะไปด้วย โดยตนจะไปคุยกับ รมว.กลาโหม จะนำผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม เสนาธิการกองทัพไทย แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นที่ปรึกษาท่านไปร่วมคณะ โดยเฉพาะเรื่องการปรับกำลังทหาร ซึ่งขณะนี้กัมพูชายงไม่ปรับจะรอคุยกับทางทหารไทยก่อน โดยนายกรัฐมนตรีมอบให้กองทัพดูแล เมื่อถามว่าในวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีไม่อยู่แต่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมอ่านคำวินิจฉัย หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงใครจะรับผิดชอบ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีบินไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง กทม.แล้ว เครื่องบินเราก็มี แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาสถานการณ์ก็มีการสั่งงานตามลำดับขั้น คือมีรองนายกรัฐมนตรีที่จะดูแลเรื่องนี้ แต่หากเกิดเหตุการณ์เราสามารถสั่งเครื่องบินไปรับนายกรัฐมนตรีกลับได้ภายใน 1 ชั่วโมง สำหรับกระแสข่าวว่าหากเกิดความวุ่นวายทหารจะออกมาปฏิวัตินั้น ตนว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น มีแต่เตรียมกำลังที่ไม่ใช่กำลังรบมาสนับสนุนการทำงานของตำรวจมากกว่า ตนว่าไม่มีใครจะทำอะไรอย่างนั้น พูดไปเองมากกว่า ตนคุยกับ ผบ.สส.และ ผบ.ทบ.ตลอด
อีกด้านหนึ่งที่รัฐสภา นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติถูกฝ่ายตุลาการเข้ามาก้าวก่าย ซึ่งพวกตนได้สัญญากับประชาชนเอาไว้ว่า เมื่อเข้ามาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งวันนี้เราดำเนินการแก้จนถึงวาระ 3 แต่กลับถูกอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คน ยับยั้งการทำหน้าที่ของพวกตน ซึ่งยอมไม่ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดการทำหน้าที่ตามอำเภอใจ จึงมอบหมายให้นายคารม พลพรกลาง เป็นทนายความดำเนินการฟ้องศาลแพ่งให้หยุดยั้งการทำหน้าที่ เพราะพวกตนมีค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง 1.5 ล้านบาท ดังนั้นเราจะฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีการคุ้มครองฉุกเฉินให้นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญกับพวกอีก 8 คน หยุดพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับจะเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 1.5 ล้านบาท
“วันนี้การล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความชัดเจนมาขึ้นโดยเป็นการระดมทุนจำนวน 6 พันล้านบาทแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. นักการเมืองปักษ์ใต้อักษรขึ้นต่อ ‘ส.’ 2. นักการเมืองในภาคอีสานอักษรขึ้นต่อ ‘น.’ และ 3. กลุ่มทุนธุรกิจน้ำเมา ซึ่งล่าสุดพื้นที่ภาคใต้มีการปิดถนนเอาเงื่อนไขราคายางพารามาต่อรอง ขณะที่ภาคอีสานใต้จังหวัดแห่งหนึ่ง มีพี่น้องติดต่อมาบอกว่ามีการจ่ายค่าหัวละ 1,000 บาท ให้เคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 นี้ ดังนั้นผมขอเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาบอกกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ให้หยุดการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมไปถึงให้ฝ่ายมั่นคงติดตามการดำเนินการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองอย่างชัดเจน และอยากจะให้ ร.ต.อ.เฉลิมออกหมายจับคนเหล่านี้ เพราะเป็นของจริง และขอให้เป็นวาระเร่งด่วน โดยเร็วที่สุด” นายวรชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่านักการเมืองอักษรย่อ “ส.-น.” ยังมีจริงอยู่หรือไม่ นายวรชัยกล่าวว่า ตนยังยืนยันว่าเป็นกลุ่มคนเหล่านี้ที่จ้องล้มรัฐบาล
ด้าน นายคารมกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าหลังจากการยื่นเรื่องแล้ว ศาลแพ่งจะมีการไตร่สวนฉุกเฉิกให้การคุ้มครองเพื่อไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำจานในการพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้ เพราะตนมั่นว่าไม่มีอำนาจในการก้าวล่วง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ดูเพียงว่าเรื่องใดขัดแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งตนเป็นตัวแทนของนายวรชัยก็จะเรียกร้องค่าเสียหาย 1.5 ล้านบาท ส่วนสมาชิกสภาที่เหลือใครจะร่วมเรียกร้องก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวจบลง นายวรชัยพร้อมด้วยทนายความได้เดินทางออกจากสภาทันที เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งต่อไป