“สุกำพล” ถกกองทัพปรับโครงสร้าง ยันเขมรไม่ได้ถอนทหารแค่ปรับกำลัง

“รัฐมนตรีกลาโหม” เผยหลังประชุมปรับโครงสร้างกองทัพร่วม 2 ชั่วโมง ยันยังคุยไม่จบ แค่รับทราบข้อเสนอเหล่าทัพ ขอดูเหตุผลตั้งกองทัพน้อยที่ 4 ปัดคุยบัญชีโยกย้าย แนะอย่าเพิ่งตื่นเต้น เชื่อศุกร์ 13 ไม่น่ามีอะไร ยันเขมรไม่ได้ถอนทหารพระวิหารแค่ปรับกำลัง ระบุทำตามคณะทำงานร่วม 2 ชาติ จ่อควง มทภ.2 ไปกัมพูชาพร้อมนายกฯ ด้วย ลั่นไม่มีวาระซ่อนเร้น

วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมหารือเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างของกองทัพ เพื่อให้กองทัพไทยมีความทันสมัย กะทัดรัด ชัดเจน และให้มีประสิทธิภาพที่จะสอดรับภัยคุกคามที่จะเกิดในอนาคต โดยมี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก พล.อ.อ.เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์ เสนาธิการทหารอากาศ เข้าร่วมประชุมพร้อมกับรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน โดยใช้เวลาในการหารือกว่า 2 ชั่วโมง

จากนั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวถึงผลการหารือร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพว่า เป็นการพูดคุยเรื่องการปรับโครงสร้างกองทัพ แต่ยังไม่จบ โดยได้รับทราบข้อเสนอและข้อคิดเห็นของเหล่าทัพว่าคิดอย่างไรบ้างหลังจากที่เราได้ให้แนวทางไปแล้ว ซึ่งได้พูดคุยรายละเอียดในส่วนของกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อได้รับฟังข้อมูลเหตุผลจากทุกคนแล้วจะดำเนินการให้ใกล้เคียงกับความต้องการของเหล่าทัพมากที่สุด ส่วนจะมีการจัดตั้งหน่วยใหม่ เช่น กองทัพน้อยที่ 4 ขึ้นมาหรือไม่นั้น อยู่ที่เหตุผล ซึ่งเขาก็เสนอมาเหมือนกัน แต่ต้องดูก่อนว่า จะให้หรือไม่ ขณะนี้อย่าเพิ่งรีบร้อนไปดูว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น อย่าเพิ่งบอกว่าตกลงหรือไม่ตกลง ขอให้ได้ดูและพิจารณากันในหมู่ของผู้รู้ทุกด้านก่อน อย่างไรก็ตาม ในการหารือวันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งทางเหล่าทัพคงจะส่งรายชื่อให้ภายในกรอบระยะเวลา คือ ช่วงเดือน ส.ค. ขออย่าไปตื่นเต้นเรื่องปรับย้าย

พล.อ.อ.สุกำพลยังกล่าวถึงความกังวลว่าจะเกิดสถานการณ์ความรุนแรงในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.ที่จะมวลชนจำนวนมากมารอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่กังวล ตนคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ส่วนกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนุญต้องการให้ทหารเข้าไปช่วยรักษาความปลอดภัยนั้น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไม่พอแล้ว ขอกำลังจากทางทหารเข้าไปช่วยก็ต้องให้เขา เราพร้อมช่วยดูแล

รมว.กลาโหมยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว่าทางรัฐบาลกัมพูชาจะให้มีการถอนกำลังทหารออกจากบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ไม่ใช่การถอนทหาร แต่เป็นการปรับกำลังใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เรามีแผนในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ต้องทำให้กำลังทั้งสองฝ่ายก้ำกึ่งกัน เพราะตอนนี้ทางกัมพูชาวางกำลังทหารมากกว่าเราในบริเวณเขาพระวิหาร ส่วนจะใช้กำลังใดมาแทนนั้นต้องมีการคุยเรื่องรายละเอียดกัน ซึ่งเป็นส่วนที่กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการเอง ขณะนี้เป็นการดำเนินการตามข้อตกลงของคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา (JWG) ในการปฏิบัติตามมติคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็ต้องดำเนินการต่อไป เมื่อมีทุ่นระเบิดอยู่ในพื้นที่ก็ต้องมีการเก็บกู้ หากเข้าไปจะเกิดอันตรายได้ ส่วนการปรับกำลังก็ปรับไป อาจจะเป็นในลักษณะการปรับกำลังให้ลดน้อยลง หรือมีกำลังกึ่งทหารเข้ามาแทน เป็นการปรับกำลังประจำปีตามวงรอบ ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องรอคณะทำงาน JWG

ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศกัมพูชาในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ตนพร้อมด้วยกองทัพภาคที่ 2 จะเดินทางร่วมคณะกับนายกฯ ครั้งนี้ด้วย ส่วนกรณีที่มีการมองว่าการที่นายกฯ เดินทางไปครั้งนี้มีวาระอะไรซ่อนเร้นหรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ไม่มี และอย่าไปถามอะไรเช่นนั้น ส่วนรายละเอียดขอให้ไปถามนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา (JWG) ครั้งที่ 3 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม โดยมีเสนาธิการทหารเป็นประธาน ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.นี้ ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตามกำหนดการเดิมในวันที่ 12 ก.ค.นี้ เวลา 08.00 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้นัดหมาย ผบ.เหล่าทัพมาร่วมประชุมที่กระทรวงกลาโหม เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่จะนำข้อมูลเสนอต่อนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ หลังจากที่ทางรัฐบาลกัมพูชามีแผนจะประกาศให้มีการถอนกำลังทหารบริเวณแนวชายแดนเพื่อกดดันไทย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันเดียวกันเวลา 08.30 น. ผบ.เหล่าทัพมีกำหนดจะเดินทางไปที่รัฐสภาชี้แจงเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนของกองทัพต่อคณะกรรมมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร