“พล.อ.อ.สุกำพล” ปลื้มรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม 2 เดือน สัมพันธ์ ผบ.เหล่าทัพดีขึ้นเรื่อยๆ บอกอะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ขอทุกคนเป็นเสาหลักทำให้ประเทศมั่นคง ย้ำปรองดองต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ยันไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของสภา ขอดูอยู่ห่างๆ เชื่อ “นช.แม้ว” ได้กลับประเทศแน่ แต่ต้องรอเวลาให้ทุกอย่างเคลียร์ อ้าง “ทักษิณ” พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ตาชั่งต้องเที่ยงตรงจริง
ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ วันนี้ (18 เม.ย.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เปิดโอกาสให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.อิทธพล ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารระดับสูงจาก 3 เหล่าทัพ รดน้ำและเข้ารับพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดย พล.อ.เสถียรกล่าวว่า ตลอดเวลาที่ท่านเข้ามารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายในการปฏิบัติราชการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพและระบบการป้องกันประเทศให้มีความพร้อม ในการพิทักษ์ รักษาอธิปไตย ความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนในการพัฒนางานในหลายๆ ด้านเพื่อให้กองทัพมีโครงสร้างที่เหมาะสมกะทัดรัด ทันสมัย พร้อมรองรับภารกิจทั้งปัจจุบัน และอนาคต
จากนั้น พล.อ.อ.สุกำพลให้พรว่า ขอขอบคุณที่ ผบ.เหล่าทัพและนายทหารผู้ใหญ่ ได้มารดน้ำขอพรในวันนี้อย่างที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่าไว้ว่าเป็นประเพณีที่ดี พรที่ตนได้รับจากท่าน ตนขอมอบกลับไปยังทุกท่าน ตั้งแต่รับตำแหน่งเราได้อยู่กันมา 2 เดือนกว่าๆ อะไรๆ มันก็ดีขึ้นทุกอย่าง เพราะน้องๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่ทำให้ดีขึ้น เป็นเสาหลักจริงๆ ที่ทำให้ประเทศเรามีความมั่นคง เป็นหน้าที่หลักที่ทำดีอยู่แล้ว เราอยู่กันมาก็มีอะไรดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องความเข้าใจกันเราต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน สุดท้ายอะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันเลยไปในปีใหม่ไทยนี้ ขอให้พวกเราทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อราชบัลลังก์และเพื่อพี่น้องประชาชน
จากนั้น พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง ตนไม่อยากให้มีเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนอดีตที่ผ่านมา อย่างสถานการณ์ชายแดนใต้ที่เราพยายามทำให้หมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ทำแบบลวกๆ ซึ่งต้องใช้เวลาโดยเราพยายามทำต่อเนื่องมาโดยตลอด ส่วนเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่เราคุยกันได้ ถ้าไม่มีเหตุรุนแรงก็เป็นเรื่องของความคิดไม่สามารถห้ามได้ แต่เราต้องทำเต็มที่เพื่อให้ดีขึ้น ตอนนี้ก็ดีขึ้น และเมื่อมันดีขึ้นมาก็ช่วยกันและพยายามใช้หลายๆ อย่างให้มากขึ้น วันนี้ต้องบอกว่า ถ้าไม่มีคลื่นต้องระวัง ไม่ใช่ว่าสบายใจ แต่ต้องดูแลตลอดเวลา อย่าพยายามให้คนของเราเผลอ ถ้าเมื่อใดเผลอก็โดนทุกที
สำหรับแนวทางความปรองดองของคนในชาตินั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ความจริงเรื่องปรองดองจะเกิด ถ้าเราตั้งใจว่าจะปรองดอง สิ่งที่เกิดขึ้นมา คืออุปสรรค เราต้องค่อยๆ พูดไปทีละประเด็น เมื่อพูดแล้วควรจะจบไป ถ้าพูดไปแล้วยังไม่ยอมจบมันก็ไม่จบสักที ต้องฟังคนส่วนใหญ่ ให้เขาทำก่อน ไม่ใช่ไม่ให้เขาทำแล้วมันจะสำเร็จได้อย่างไร เมื่อทำไม่สำเร็จก็ช้า ดังนั้น ควรจะรีบปล่อยให้เขาทำเร็วๆ ตามวิถีทางของเขา ถ้าไม่สำเร็จก็ฟ้องกันว่าทำไม่สำเร็จ คิดว่าเขารู้หมดว่าจะทำอย่างไร ไม่ต้องไปบอกเขา ถ้าเขาตั้งใจจะมาปรองดองสุดท้ายก็ต้องจับมือกันให้ได้
“ผมคิดว่ามีแนวทางนี้ทางเดียว คนที่ไม่ถูกกันต้องทำให้ถูกกันก่อน เพราะถ้าไม่ถูกกันก็ทำงานด้วยกันยาก ดังนั้นต้องเข้าใจกันก่อน ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านเขารู้กันอยู่แล้ว ผมไม่ใช่นักการเมืองเต็มตัวจึงไม่อยากไปยุ่งเรื่องของสภา ผมจะอยู่ข้างนอกดูแลเฉยๆ เมื่อไม่มีหน้าที่ก็อย่าไปยุ่ง ผมต้องรักษาขอบเขตผมเองไว้ ถ้าไปยุ่งหมดจะยิ่งมีปัญหา ยิ่งไปกันใหญ่ ให้คนมีหน้าที่เขาคุยกัน วงจะแคบลงจะได้เร็วขึ้น ลองปรองดองก่อน เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรให้ทำก่อน อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ต้องให้เขาทำให้เร็ว ถ้าทำไม่ดีก็เสียเอง ถ้าทำดีก็จบไป ไม่ใช่ไม่ให้โอกาสเขาทำเลย อย่าไปดึงให้ช้า ถ้ารีบทำให้เร็วบ้านเมืองก็ไปได้เร็ว ส่วนฝ่ายค้านก็คอยดูอยู่ในกรอบในเกณฑ์ กฎกติกา”
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า จะกลับประเทศไทยภายในปีนี้ พล.อ.อ.สุกำพลหัวเราะก่อนกล่าวว่า ตัวท่านคงอยากกลับแน่ๆ เป็นคนไทยต้องอยากกลับ แต่จะกลับได้เมื่อไรเป็นเรื่องที่เราทราบกันอยู่ว่า มีกฎกติกาอะไรหลายอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป สุดท้ายถามว่าจะกลับได้หรือไม่ตนเชื่อว่าน่าจะกลับได้ แต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ แต่คิดว่าท่านจะกลับได้เมื่อทุกอย่างเคลียร์ ท่านก็ให้สัมภาษณ์แล้วว่าถ้าจะกลับมาแล้วเข้ากระบวนการยุติธรรม ท่านก็ยินดี แต่จะต้องยุติธรรมจริงๆ เช่น กระบวนการการตั้งคน สมมติตนไม่ถูกกับสื่อแล้วตั้งพี่ชายของสื่อมาสอบสวน ตนถามว่าจะถูกต้องหรือไม่ จะต้องเริ่มจากตรงนี้ถ้าดูว่าแฟร์ก็โอเค ท่านก็เข้ามา
“เรื่องนิดเดียว ผมไม่อยากพูดเพราะมันผ่านมาแล้ว อย่างคดีที่ผ่านมา คือ เป็นการเซ็นชื่อร่วมเพื่อค้ำประกันภรรยาท่านเท่านั้น อย่างนี้มันตลก แต่ต้องค่อยๆ ว่ากันไป ถ้าท่านคิดว่า เมื่อตาชั่งมันตรงดีแล้วท่านคงจะกลับมา เพราะท่านคือลูกผู้ชายคนหนึ่ง จากที่ผมคบกันก็รู้ว่าเป็นลูกผู้ชายพอสมควร แฟร์ก็แฟร์ ผมเป็นเพื่อนกับท่านก็เห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณที่ไม่ได้กลับมาประเทศไทย ท่านเคยทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติเยอะ อย่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาพูด เอาประเด็นแค่คนคนเดียว อย่าไปกลัวมากเลย เอากลับมาสิ เอาเข้ามาในบ้าน จะได้คุยกันใกล้ๆ แล้วจะรู้เรื่อง คุยเห็นตัวกันดีกว่า เก่งแต่ไกลๆ กันนั่นแหละ น่าจะเอาคนอย่างนี้มาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เพราะท่านมีผลงาน”
ผู้สื่อข่าวถามว่หลายฝ่ายเกรงว่าการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า คนมี 65 ล้านต้องมีคนไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ตนคนหนึ่งที่เห็นด้วยให้กลับมา จะบอกว่าท่านกลับมาแล้วไม่ปรองดองไม่ได้ เพราะคนบางคนทำอย่างไรก็ไม่ปรองดอง กลับไม่กลับก็ไม่ปรองดองอยู่แล้ว ต้องตัดไป เราต้องดูส่วนมากว่าจะว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ส่วนน้อยก็ต้องตามเสียงส่วนมาก บางอย่างตนไม่เห็นด้วยกับ ผบ.เหล่าทัพ แต่เสียงเขาเยอะ มีเหตุผลมากกว่า ตนก็ยอม ดังนั้นต้องมีการยอมกันบ้าง ถ้าแข็งกันอยู่ก็อยู่ไม่ได้
ต่อข้อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงความปลอดภัยของตนเอง ท่านจะประสานกองทัพให้ดูแลความปลอดภัยหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เมื่อถึงเวลากลับค่อยพูดกันอีกครั้ง ตอนนี้อย่าเพิ่งไปพูด กองทัพไม่มีอะไร แรกๆ ตนเข้ามาสื่อวิจารณ์ว่าตนเป็นยักษ์ เป็นมาร เข้ามาต้องเล่นงานคนโน้นคนนี้แน่ แต่ตนมีเหตุผลเพราะโตขนาดนี้แล้ว ถ้าทำก็ทำได้แต่ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ทำแบบไม่มีเหตุผล ต้องมีหลักฐาน กติกาที่ชัดเจนเราจึงอยู่กันได้ วันนี้ตนคิดว่าเมื่อเรามองตากันก็รู้ใจว่าเป็นอย่างไร แต่ก่อนเขาจะมองอย่างไรไม่รู้ หากเป็นคนละข้างแล้วเกลียดกันมาก่อน หากรักกันแล้วก็จะรักเป็น 2 เท่า