xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” หนีโจทก์เก่า-อดีต สมช.โวยโยกเก้าอี้ ส่ง “ยงยุทธ” มอบครุฑทองคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ยิ่งลักษณ์"ส่ง"ยงยุทธ"มอบรางวัลครุฑทองคำแก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี หลังพบผู้ได้รางวัลหลายคน เคยถูกโยกย้ายด้วยเหตุผลทางการเมือง ส่วนจดหมายจาก 3 อดีตเลขาฯ สมช. ยังไม่มีเสียงตอบรับ “ขจัดภัย” เตรียมเร่ง ก.พ.ออกระเบียบตั้งสหภาพข้าราชการพลเรือน “ถวิล” เผยเสียใจนายกฯ ไม่ยอมพบหน้า ด้าน “สมเกียรติ” ห่วงแก้ไฟใต้ชะงัก กำลังตัดสินใจร้อง ก.ค.พ.ขอความเป็นธรรมหรือไม่

วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบครุฑทองคำแก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2553-2554 โดยผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นมี 9 คน ประกอบด้วย สายตำแหน่งปลัดกระทรวง ได้แก่ นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สายตำแหน่งอธิบดี นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ นางสาวชุติมา บุญยประภัศร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์

สายตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สายตำแหน่งอธิการบดี รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสายตำแหน่งเอกอัครราชทูต นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ขณะที่นายยงยุทธกล่าวว่า ข้าราชการเป็นข้าของพระราชา ทำงานให้พระราชาเพื่อความผาสุกของประชาชน และเป็นอาชีพที่มีเกียรติมีคุณค่า ดังนั้นขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ และมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป

นายยงยุทธกล่าวให้โอวาทว่า นายกรัฐมนตรีได้ส่งความปรารถนาดีและขอแสดงความชื่นชมท่านทั้งหลายด้วยยินดี ท่านคงทราบว่านายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรีที่ทำงานหนักในแต่ละวันมีภารกิจมากมาย 7 วัน 24 ชั่วโมงท่านก็ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน งานวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาก็ขออย่าติเตียน เพราะท่านกำลังทำหน้าที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคือด้านความมั่นคง ซึ่งตนก็ภาวนาว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในประเทศไทยในวันที่ 13 ก.ค.นี้จะออกมาแบบกลางๆ คงจะไม่ร้ายมาก และทำให้เกิดความสงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ ท่านที่ได้รับรางวัลได้มีความคิดสร้างสรรค์ เสียสละและอุทิศตัวให้กับระบบข้าราชการ และสร้างความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนในระบบราชการ ตนเป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่อยากให้มีองค์กรมหาชนขึ้นมา ซึ่งตนนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลก็อยากจะตั้งส่วนราชการขึ้นมาเหมือนเดิม และข้าราชการคือผู้ที่ทำให้กับพระราชา และทำเพื่อประเทศ และประชาชนให้มีความสุขของแผ่นดิน

ทั้งนี้ การประกาศเกียรติคุณและมอบครุฑทองคำแก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2553-2554 จัดโดยสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อประกาศเกียรติคุณ ผู้ที่มีผลงานสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมและระบบราชการ ด้วยความทุ่มเทเสียสละอุทิศตนให้กับงานในหน้าที่จนเป็นที่ยอมรับแก่ประชาชน ขณะที่นายงยุทธได้ชี้แจงเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนเองเป็นประธานในพิธีแทน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจในการต้อนรับนายเมิ่ง เจี้ยนจู้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และการประชุมด้านความมั่นคง ทั้งนี้นายยงยุทธได้รับแจ้งจากนายกฯ เมื่อเวลาประมาณ 13.20 น. ขณะที่งานจะเริ่มขึ้นในเวลา 14.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการที่ได้รับรางวัลครั้งครุฑทองคำครั้งนี้ มี 3 คน ที่ถูกโยกย้ายด้วยเหตุผลทางการเมือง โดยมี 2 คนที่ถูกโยกย้ายในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ คือ นายอนุวัฒน เมธีวิบูลวุฒิ จากอธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาฯ สมช.ไปดำรงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และนางสาวชุติมา บุญยประภัศร จากอธิบดีกรมการค้าภายใน ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูกโยกย้ายในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ส่วนกรณีที่อดีตเลขาธิการ สมช.3 คน ประกอบด้วย นายสุวิทย์ สุทธานุกูล นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ และนายถวิล เปลี่ยนศรี ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความเห็นคัดค้านมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2555 ที่มีมติอนุมัติรับโอน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ให้มาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สมช. และโอนย้ายนายสมเกียรติ บุญชู รองเลขาธิการ สมช.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำแทน และขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนใหม่ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ ประธานสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย อดีตเลขาธิการ สมช.กล่าวว่า จะชี้ให้รัฐบาลเห็นว่ากิจการ สมช.กว่าจะเติบโตขึ้นมา ทุกคนต้องทำงานด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ เพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง อยากผู้ที่ทำงานมาด้วยความเป็นมืออาชีพได้รับความเป็นธรรม การโยกย้ายข้าราชการที่เป็นมืออาชีพ เป็นคนมีความรู้ มีความสามารถ เป็นคนดี มีคุณธรรม ด้วยความทุ่มเท เสียสละ แต่ถูกย้ายไปในที่ไม่ได้ทำอะไรเลย มันเป็นการทำร้ายจิตใจข้าราชการอย่างที่สุดแล้ว ในตอนท้ายจึงขอความเมตตาจากนายกรัฐมนตรี ถ้าจะมีลู่ทาง เติมโตจากที่นี้ได้มีลู่ทาง ก็จะมีพระคุณอย่างยิ่ง

“อดีตเลขาฯ สมช.เองก็เป็นหนึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลครุฑทองคำแก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2553-2554 ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การคัดของสมาคมข้าราชการนั้นคัดเลือกคนที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ ก็คิดว่านายกรัฐมนตรีคงเข้าใจ สมาคมฯ ยึดมั่นในระบบคุณธรรมมาโดยตลอด และมีถึง 3 คนที่ถูกย้ายทางการเมืองได้รับรางวัล และทางสมาคมฯกำลังเร่งรัดให้ทาง ก.พ.ออกระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งสหภาพข้าราชการพลเรือน ออกมา ข้าราชการที่ทำงานให้ชาติบ้านเมืองจะได้มารวมกันเป็นปึกแผ่น ปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของข้าราชการ ซึ่งเป็นสิทธิที่มีความสำคัญกับบ้านเมืองในขณะนี้” นายขจัดภัยกล่าว

เมื่อถามว่า จะเรียกร้องหรือไม่ว่าจะไม่ให้การเมืองเข้ามาล่วงลูกข้าราชการมากเกินไป นายขจัยภัยกล่าวว่า จริงๆ แล้วมีประมวลจริยธรรมของข้าราชการเมือง ที่เรียกว่า ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2551 ชัดเจนว่าข้าราชการการเมืองต้องยึดมั่นในระบบคุณธรรม จะต้องให้การสนับสนุนข้าราชการที่ทุ่มเทเสียสละ

“เพราะฉะนั้นอยู่ที่จิตสำนึกของข้าราชการเมืองว่า การที่ท่านจะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการคนใดก็ตาม ขอให้เอาคุณธรรมมาเป็นที่ตั้ง อย่าได้เอาความชอบความชั่ว มาบดบังความถูกต้องชอบธรรม จะทำให้ข้าราชการที่ทำดีๆ ท้อใจ อย่าคิดว่า คนนั้น คนนี้ เป็นคนของใคร เพราะจะทำให้หาคนที่มารักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองได้ยาก เรื่องของการเมืองมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ และพรรคพวก มันจึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะเกิดความเป็นธรรมที่แท้จริงยาก และไม่ใช่ว่า ข้าราชการไม่กล้าให้ความร่วมมือ แต่ทำอะไรที่ทำไปเต็มที่เกิดถูกกล่าวหาได้ว่าเป็นคนของพรรคนั้นพรรคนี้ ทำให้รู้สึกว่าเกียร์ว่างเป็นธรรมชาติ ต้องดูทิศทางลม ถ้าทำงานอย่างนี้ไม่มีความสุข ไม่เกิดผลประโยชน์ที่แท้จริงต่อชาติบ้านเมือง” นายขจัยภัยกล่าว

ด้าน นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายกฯ ที่ไม่มามอบรางวัลให้พวกตนทั้ง 9 คนว่า ตนกับนายสมเกียรติ รับราชการที่ สมช.มากว่า 30 ปี ขอให้นายกฯ กรุณาให้ความเป็นธรรม ยึดมั่นหลักการ ยึดมั่นระบบคุณธรรม ส่วนจดหมายเปิดผนึกที่ยื่นให้นายกฯ นั้น ไม่แน่ใจว่านายกฯ ได้อ่านแล้วหรือไม่ แต่ขอให้ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งล่าสุด เพราะจะทำให้ประเทศเสียประโยชน์ในเรื่องนี้มากที่สุด

ทั้งนี้ เพราะนายสมเกียรติรับราชการที่ สมช.พร้อมกับตนจึงมีการฝึกปรือและประสบการณ์ทางนี้โดยตรงแล้วย้ายไปอีกแห่งหนึ่ง และยังเสียหลักคุณธรรม เพราะนายสมเกียรติต้องรู้สึกเป็นธรรมดา ว่ารับราชการมาตามลำดับชั้นแต่สุดท้ายโดนย้ายออกนอกองค์กร ส่วนคนที่เข้ามาแทนก็ไม่รู้ว่ามีความรู้ความสามารถเพียงใด อาจบอกว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ที่สมช.แล้วโดนย้ายออกไป ครั้งนี้อาจดูว่าคืนความเป็นธรรมไปให้แต่การมองแค่นี้ไม่เพียงพอเพราะต้องดูก่อนหน้านี้ด้วยว่าคนคนนั้นมาจากไหนจึงจะเป็นธรรมกับคนที่อยู่ หากทำแบบนี้จะเป็นโทษกับข้าราชการ สมช.และข้าราชการโดยรวมจะเสียขวัญกำลังใจแน่นอน

เมื่อถามว่า วันนี้นายกฯ ไม่มามอบรางวัลตามวาระงาน ติดใจหรือไม่ นายถวิลตอบว่า ไม่กล้าไปติดใจ แต่เสียดายที่ตนน่าจะได้รับมอบรางวัลนี้จากนายกฯ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการโดยตรง เมื่อถามย้ำว่า หลังรับหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯนั้น นายกฯ มาขอคำปรึกษาบ้างหรือไม่ นายถวิลตอบว่า เท่าที่ตนจำได้นั้นน่าจะไม่มีเลย ตรงนี้คือ ความสูญเสียอย่างหนึ่ง

“ยืนยัน สมช.ไม่ย่อยยับ เดิมนั้นย้ายผมคนเดียวไม่มีปัญหา คนอื่นๆ ยังอยู่ แต่เมื่อลงดาบอีกหนึ่งดาบมันยิ่งไม่ปกติและกระทบมากขึ้น ผมไม่กล้ารับรองว่าขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ สมช.จะกระเจิดกระเจิงเพียงใด” นายถวิลระบุ

ขณะที่ นายสมเกียรติกล่าวว่า หลังจากมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ตนจะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งว่าจะดำเนินการร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ในการโอนย้ายครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ห่วงตัวเองในการถูกโยกย้ายครั้งนี้ แต่ห่วงใยเรื่องงานในหน้าที่รับผิดชอบอย่างการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังเดินหน้า ห่วงองค์กร สมช.ที่ถูกแทรกแซง และมีการโยกย้ายด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถยอมรับได้

“ผมรับผิดชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มาเกือบตลอดชีวิตข้าราชการ หลายครั้งที่งานกำลังเดินหน้าและกำลังมีความต่อเนื่องต้องมาพบปัญหา เพราะมีการโยกย้ายบุคลากรที่รับผิดชอบอยู่เป็นประจำ ทำให้งานต้องสะดุดหรือต้องเริ่มทำกันใหม่ ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของพี่น้องชาวใต้ที่ปัญหาของพวกเขายังแก้ไม่สำเร็จเพราะสิ่งเหล่านี้” นายสมเกียรติระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น