xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมขรก.ตบหน้า"ปู" มอบครุฑทองคำ"ถวิล-อนุวัฒน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (11 ก.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีประกาศเกียรติคุณ และมอบครุฑทองคำ แก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2553-2554 โดยผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นมี 9 คน ประกอบด้วย สายตำแหน่งปลัดกระทรวงได้แก่ นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สายตำแหน่งอธิบดี นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ นางสาวชุติมา บุญยประภัศร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ สายตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.นครราชสีมา นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ สายตำแหน่งอธิการบดี รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีม.เกษตรศาสตร์ และสายตำแหน่งเอกอัครราชฑูต นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชฑูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์
นายยงยุทธ กล่าวให้โอวาทว่า ข้าราชการ เป็นข้าของพระราชา ทำงานให้พระราชาเพื่อความผาสุขของประชาชน และเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีคุณค่า ดังนั้นขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ และมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน และประเทศชาติต่อไป
นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้ส่งความปรารถนาดี และขอแสดงความชื่นชมท่านทั้งหลายด้วยยินดี ท่านคงทราบว่านายกรัฐมนตรี เป็นสุภาพสตรี ที่ทำงานหนักในแต่ละวันมีภารกิจมากมาย 7 วัน 24 ชั่วโมง ท่านก็ไม่ได้พักผ่อน งานวันนี้ ที่นายกฯไม่ได้มา ก็ขออย่าติเตียน เพราะท่านกำลังทำหน้าที่ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือด้านความมั่นคง ซึ่งตนก็ภาวนาว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะออกมาแบบกลางๆ คงจะไม่ร้ายมาก และทำให้เกิดความสงบทั้งในประเทศ และนอกประเทศ
ทั้งนี้ การประกาศเกียรติคุณ และมอบครุฑทองคำ แก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2553-2554 จัดโดยสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อประกาศเกียรติคุณ ผู้ที่มีผลงานสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม และระบบราชการ ด้วยความทุ่มเทเสียสละอุทิศตนให้กับงานในหน้าที่จนเป็นที่ยอมรับแก่ประชาชน

**"ถวิล-อนุวัฒน-ชุติมา"เหยื่อการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการที่ได้รับรางวัลครั้งครุฑทองคำครั้งนี้ มี 3 คน ที่ถูกโยกย้ายด้วยเหตุผลทางการเมือง โดยมี 2 คน ที่ถูกโยกย้ายในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ นายอนุวัฒน เมธีวิบูลวุฒิ จากอธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็นรองปลัดฯมหาดไทย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาฯสมช.ไปดำรงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และน.ส.ชุติมา บุญยประภัศร จากอธิบดีกรมการค้าภายใน ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูกโยกย้ายในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

** “ขจัดภัย” ขอเมตตานายกฯ
ส่วนกรณีที่ 3 อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประกอบด้วย นายสุวิทย์ สุทธานุกูล นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ และนายถวิล เปลี่ยนศรี ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อแสดงความเห็นคัดค้าน มติ ครม.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.55 ที่มีมติอนุมัติรับโอน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ให้มาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และโอนย้าย นายสมเกียรติ บุญชู รองเลขาธิการ สมช.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำแทน และขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาทบทวนใหม่ด้วย
นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ ในฐานะประธานสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะชี้ให้รัฐบาลเห็นว่า กิจการสมช. กว่าจะเติบโตขึ้นมา ทุกคนต้องทำงานด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ เพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง อยากให้ผู้ที่ทำงานมาด้วยความเป็นมืออาชีพ ได้รับความเป็นธรรม การโยกย้ายข้าราชการที่เป็นมืออาชีพ เป็นคนมีความรู้ มีความสามารถ เป็นคนดี มีคุณธรรม ด้วยความทุ่มเท เสียสละ แต่ถูกย้ายไปในที่ไม่ได้ทำอะไรเลย มันเป็นการทำร้ายจิตใจข้าราชการอย่างที่สุดแล้ว จึงขอความเมตตาจากนายกรัฐมนตรี ถ้าจะมีลู่ทาง เติมโตจากที่นี้ ได้มีลู่ทาง ก็จะมีพระคุณอย่างยิ่ง

** เร่งก.พ.ออกระเบียบตั้งสหภาพ
" อดีตเลขาฯสมช.เอง ก็เป็นหนึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลครุฑทองคำ แก่ผู้บริหารข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2553-2554 ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การคัดของสมาคมข้าราชการนั้น คัดเลือกคนที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ ก็คิดว่า นายกรัฐมนตรี คงเข้าใจ สมาคมฯ ยึดมั่นในระบบคุณธรรมมาโดยตลอด และมีถึง 3 คน ที่ถูกย้ายทางการเมืองได้รับรางวัล และทางสมาคมฯ กำลังเร่งรัดให้ทาง ก.พ.ออกระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งสหภาพข้าราชการพลเรือน ออกมา ข้าราชการที่ทำงานให้ชาติบ้านเมืองจะได้มารวมกันเป็นปึกแผ่น ปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของข้าราชการ ซึ่งเป็นสิทธิที่มีความสำคัญกับบ้านเมืองในขณะนี้"
เมื่อถามว่า จะเรียกร้องหรือไม่ว่า จะไม่ให้การเมืองเข้ามาล่วงลูกข้าราชการมากเกินไป นายขจัยภัย กล่าวว่า จริงๆ แล้วมีประมวลจริยธรรมของข้าราชการเมือง ที่เรียกว่า ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2551 ชัดเจน ว่า ข้าราชการการเมืองต้องยึดมั่นในระบบคุณธรรม จะต้องให้การสนับสนุนข้าราชการที่ทุ่มเทเสียสละ

** จี้จิตสำนึกคุณธรรมการเมือง
" เพราะฉะนั้น อยู่ที่จิตสำนึกของข้าราชการเมืองว่า การที่ท่านจะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการคนใดก็ตาม ขอให้เอาคุณธรรมมาเป็นที่ตั้ง อย่าได้เอาความชอบความชัง มาบดบังความถูกต้องชอบธรรม จะทำให้ข้าราชการที่ทำดีๆ ท้อใจ อย่าคิดว่า คนนั้น คนนี้ เป็นคนของใคร เพราะจะทำให้หาคนที่มารักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองได้ยาก เรื่องของการเมืองมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ และพรรคพวก มันจึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะเกิดความเป็นธรรมที่แท้จริงยาก และไม่ใช่ว่า ข้าราชการไม่กล้าให้ความร่วมมือ แต่ทำอะไรที่ทำไปเต็มที่เกิดถูกกล่าวหาได้ว่า เป็นคนของพรรคนั้น พรรคนี้ ทำให้รู้สึกว่า เกียร์ว่าง เป็นธรรมชาติ ต้องดูทิศทางลม ถ้าทำงานอย่างนี้ไม่มีความสุข ไม่เกิดผลประโยชน์ที่แท้จริงต่อชาติบ้านเมือง" นายขจัยภัย กล่าว

**“ถวิล” เสียใจ“ปู” ไม่ยอมพบหน้า
ด้านนายถวิล กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายกฯ ที่ไม่มามอบรางวัลให้พวกตนทั้ง 9 คนว่า ตนกับนายสมเกียรติ รับราชการที่สมช. มากว่า 30 ปี ขอให้นายกฯ กรุณาให้ความเป็นธรรม ยึดมั่นหลักการ ยึดมั่นระบบคุณธรรม ส่วนจดหมายเปิดผนึกที่ยื่นให้นายกฯนั้น ไม่แน่ใจว่านายกฯได้อ่านแล้วหรือไม่ แต่ขอให้ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งล่าสุด เพราะจะทำให้ประเทศเสียประโยชน์ในเรื่องนี้มากที่สุด เพราะนายสมเกียรติ รับราชการที่สมช. พร้อมกับตนจึงมีการฝึกปรือ และประสบการณ์ทางนี้โดยตรงแล้วย้ายไปอีกแห่งหนึ่ง และยังเสียหลักคุณธรรม เพราะนายสมเกียรติ ต้องรู้สึกเป็นธรรมดาว่า รับราชการมาตามลำดับชั้นแต่สุดท้ายโดนย้ายออกนอกองค์กร ส่วนคนที่เข้ามาแทนก็ไม่รู้ว่ามีความรู้ความสามารถเพียงใดอาจบอกว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ที่สมช.แล้วโดนย้ายออกไป ครั้งนี้อาจดูว่า คืนความเป็นธรรมไปให้แต่การมองแค่นี้ ไม่เพียงพอ เพราะต้องดูก่อนหน้านี้ด้วยว่าคนๆนั้น มาจากไหน จึงจะเป็นธรรมกับคนที่อยู่ หากทำแบบนี้จะเป็นโทษกับข้าราชการสมช. และข้าราชการโดยรวมจะเสียขวัญกำลังใจแน่นอน
เมื่อถามว่า วันนี้นายกฯไม่มามอบรางวัลตามวาระงาน ติดใจหรือไม่ นายถวิล ตอบว่า ไม่กล้าไปติดใจ แต่เสียดายที่ตนน่าจะได้รับมอบรางวัลนี้จากนายกฯ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการโดยตรง
เมื่อถามย้ำว่า หลังรับหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯนั้น นายกฯ มาขอคำปรึกษาบ้างหรือไม่ นายถวิล ตอบว่า เท่าที่ตนจำได้ น่าจะไม่มีเลย ตรงนี้คือ ความสูญเสียอย่างหนึ่ง
" ยืนยันสมช.ไม่ย่อยยับ เดิมนั้นย้ายผมคนเดียวไม่มีปัญหา คนอื่นๆ ยังอยู่ แต่เมื่อลงดาบอีกหนึ่งดาบ มันยิ่งไม่ปกติ และกระทบมากขึ้น ผมไม่กล้ารับรองว่า ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่สมช. จะกระเจิดกระเจิงเพียงใด" นายถวิล ระบุ
ขณะที่นายสมเกียรติ กล่าวว่า หลังจากมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ตนจะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้ง ว่าจะดำเนินการร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ในการโอนย้ายครั้งนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ห่วงตัวเองในการถูกโยกย้ายครั้งนี้ แต่ห่วงใยเรื่องงานในหน้าที่รับผิดชอบอย่างการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังเดินหน้า ห่วงองค์กร สมช. ที่ถูกแทรกแซง และมีการโยกย้ายด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถยอมรับได้
" ผมรับผิดชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มาเกือบตลอดชีวิตข้าราชการ หลายครั้งที่งานกำลังเดินหน้า และกำลังมีความต่อเนื่อง ต้องมาพบปัญหาเพราะมี การโยกย้ายบุคลากรที่รับผิดชอบอยู่เป็นประจำ ทำให้งานต้องสะดุด หรือต้องเริ่มทำกันใหม่ ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของพี่น้องชาวใต้ ที่ปัญหาของพวกเขายังแก้ไม่ สำเร็จเพราะสิ่งเหล่านี้" นายสมเกียรติ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น