xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ชี้สภาไม่จำเป็นหารือนาซาเลิกมาไทย ย้อน “สุกำพล” ครม.ยังเฉยเป็นลูกผู้ชายหรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
หน.ปชป.เผยถ้ารัฐบาลอยากวิจัยกับนาซายังพูดคุยในอนาคตได้ ชี้ต้องดูปฏิกิริยา-ใส่ใจมิตรประเทศอย่างจีน รับคำท้า “สุกำพล” ดีเบตบอกมาได้แต่อย่าไร้สาระ ย้อนกลับโทษฝ่ายค้าน ถ้าคนนั่ง ครม.ไม่รับผิดชอบเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ ส่วนนาซายกเลิกมาไทยไม่จำเป็นต้องเข้าสภาฯ “ชวนนท์” ขู่ฟ้องกลับ 3 รมต. ผิด ม.157 เผยสื่อจีนแฉซ้ำ นาซาใช้เครื่องบิน ER-2 ทำได้ทั้งสอดแนมและสำรวจภูมิอากาศ เรดาร์เอเชียจับไม่ได้

วันนี้ (28 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา ได้ออกแถลงการณ์ยกเลิกโครงการสำรวจสภาพอากาศในประเทศไทยว่า รัฐบาลมีหน้าที่ไปชี้แจง หากการประสานงานไม่เรียบร้อยก็ต้องไปพูดคุยกัน เพราะเชื่อว่าหากสหรัฐฯ มีความตั้งใจที่จะมาทำงานวิจัยก็สามารถเจรจาพุดคุยในอนาคตได้ ซึ่งรัฐบาลจะมาโทษฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ มีเวลาทำงานมากว่า 1 ปีก็ไม่ทำให้เกิดความชัดเจนเอง

ส่วนที่บอกว่าจะฟ้องกลับนั้น ตนไม่ทราบว่าข้อหาอะไร ที่อ้างมาตรา 157 ก็ไม่มีใครที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าบอกว่าไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ก็ต้องไปเล่นงานหน่วยงานของรัฐเองว่าทำไมไม่เสนอขึ้นมา จะอ้างว่าเกี่ยวโยงกับการลงนามระหว่างนาซากับจิสดาเป็นการลงนามเมื่อปี 2553 ก็ยังไม่เห็นมีอะไรบ่งบอกว่าเกี่ยวเนื่องกัน เพราะการทำเรื่องนี้ก็เริ่มตอนปี 2554 ข้อเสนอก็เพิ่งมามอบหมาย ไม่ได้อยู่ภายใต้กรอบจากแถลงการณ์ตอนนั้นเลย

“อยากให้รัฐบาลดูปฏิริยาจากมิตรประเทศอย่างจีน ต้องดูประโยชน์ของส่วนรวมให้รอบคอบ รอบด้าน เพราะมีข้อกังวลจริงๆ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องใส่ใจ ไม่ได้หมายความว่าจะขัดขวาง แต่ต้องชี้แจง ซึ่งคนที่ออกมาแสดงความเห็นก็ไม่ได้ต่อต้านงานวิจัย แค่อยากให้เกิดความโปร่งใส รอบคอบ ไม่สร้างความหวาดระแวงในภูมิภาคเพื่อให้มีผลกระทบต่อประเทศไทย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เห็นว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะต้องมีต่อไป ซึ่งตนเชื่อว่าสหรัฐฯ ก็ต้องการมาสนับสนุนงานในภูมิภาคนี้อยู่ ซึ่งเราก็เป็นมิตรที่สำคัญ รัฐบาลก็ต้องไปทำให้เกิดความเข้าใจ ทั้งนี้ สหรัฐฯ ก็คงเข้าใจ เพราะเป็นประเทศประชาธิปไตยต้องเข้าใจว่ากระบวนการภายในประเทศจะดำเนินการอะไรก็ตามต้องให้เกิดความเข้าใจและการยอมรับจากสาธารณะ

ส่วนที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ออกมาท้าดีเบตในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มาได้เลย แต่ขอให้พูดถึงเนื้อหาสาระ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ เพราะตั้งแต่ตั้งคำถามไป ไม่เคยได้สาระกลับมาสักเรื่องหนึ่งเลย ส่วนที่ พล.อ.อ.สุกำพลพยายามพูดเหมือนกับว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นั้น ไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้นั่งอยู่ใน ครม.ที่จะต้องรับผิดชอบกับมติ ครม.ถ้าคนที่นั่งอยู่ใน ครม.ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องรับผิดชอบอะไร ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าคนที่นั่งใน ครม.แล้วไม่รับผิดชอบอะไรจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่

ส่วนที่นาซายกเลิกโครงการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา 179 หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากอยากจะให้แสดงความคิดเห็น หรืออยากจะชี้แจงข้อมูลก็เป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะนำเข้าสู่สภาได้ ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจะนำเข้าสู่การรับฟังความเห็นจากสภาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะมีความร่วมมือในลักษณะนี้ในอนาคตอีกหรือไม่ หากคิดว่าจะมีก็สามารถไประดมความเห็นกันได้ แต่หากคิดว่าไม่มีการทำแบบนี้อีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกทำไม

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ที่มีข่าวว่าจีนอาจจะไม่พอใจไทยกับเรื่องดังกล่าวนั้น เราก็ต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกประเทศทั้งสหรัฐฯ และมิตรประเทศในภูมิภาคทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นบทเรียนว่าหากเป็นเรื่องสำคัญที่มีความละเอียดอ่อน จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งจะทำให้หลายเรื่องราบรื่นมากกว่านี้ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิท่าทีของ พล.อ.อ.สุกำพล ที่โยนบาปกรณีที่ ครม. มีมติไม่อนุมัติให้นาซาใช้สนามบินอู่ตะเภา ทั้งๆ ที่เป็นการตัดสินใจของรัฐบาล โดยเห็นว่าไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นถึง รมว.กลาโหม จะพูดจาขาดความรับผิดชอบอย่างนี้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ตรวจสอบปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติ ถ้ารัฐบาลคิดว่าทำดี ทำถูกต้องก็ชี้แจงและตัดสินใจเดินหน้าโครงการ แต่ไม่ใช่ใช้วิธีโจมตีแบบไม่เป็นลูกผู้ชายเช่นนี้ อีกทั้งที่พูดว่าประเทศไทยเสียโอกาสนั้น ตนเห็นว่า รมว.กลาโหม ต้องทบทวนบทบาทของตัวเอง เพราะถ้าคิดว่าการตัดสินใจของ ครม.ทำให้ชาติเสียโอกาสก็ต้องลาออกจากการเป็นคณะรัฐมนตรี รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่ทำงานไม่ได้เพราะการตัดสินใจแล้วโทษฝ่ายตรวจสอบ

ส่วนที่นายสุรพงษ์ขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ในความผิดตามมาตรา 157 เพราะไม่มีการผลักดันให้จิสดานำเรื่องความร่วมมือกับนาซาที่มีการลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีนั้น ตนขอถามว่าจะฟ้องใคร เพราะควรกลับไปดูตัวเองจะดีกว่า ทั้งนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายสุรพงษ์ และ พล.อ.อ.สุกำพล อยู่ในสถานะที่เข้าข้ายการทำผิดตามมาตรา 157 มากกว่า เพราะตนมีหลักฐานว่าคนเหล่านี้ทราบขั้นตอนทั้งหมดว่านาซามีกรอบเวลาอย่างไร แต่ปล่อยปละละเลย ไม่ชี้แจงต่อประชาชนและไม่มีการนำเข้าสุ่การพิจารณาของรัฐสภาทั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179 และ 190 ดังนั้น ถ้ามีคนทำให้ชาติเสียหายคือรัฐมนตรี 3 คนนี้ และหากมีการฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็จะฟ้องกลับรัฐมนตรี 3 คนนี้ในมาตราเดียวกัน จะได้พิสูจน์ไปเลยว่าใครทำให้ชาติเสียหาย

นายชวนนท์ยังได้นำคลิปข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี วันที่ 27 มิ.ย. 55 ที่มีการรายงานเกี่ยวกับการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของนาซา มีเนื้อหาเกี่ยวกับมติ ครม. 26 มิ.ย. 55 ที่ให้นำเรื่องนี้ข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ทำให้โครงการเดินต่อไม่ได้ภายในปีนี้ และระบุถึงศักยภาพของเครื่องบิน ER-2 ว่าบินสูงมากจนการตรวจสอบเรดาร์ในทวีปเอเชียไม่สามารถตรวจสอบการบินได้ และนอกจากจะใช้งานด้านการสำรวจภูมิอากาศได้แล้วยังทำงานด้านการสอดแนมได้ด้วย โดยข้อกังวลของสื่อมวลชนที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ยืนยันชัดเจนว่า ข้อท้วงติงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการทำความเข้าใจกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นอยู่บนพื้นฐานความจริง แต่สิ่งเหล่านี้ พล.อ.อ.สุกำพลกลับไม่เคยพูดถึง และไม่เคยปรากฏว่ามีการความเข้าใจกับรัฐบาลจีนและประเทศเพื่อนบ้านด้วย อีกทั้งยังไม่มีการตอบเกี่ยวกับข้อกังวลของฝ่ายความมั่นคง 6 ข้อด้วย จึงเห็นว่าคนที่ไม่เป็นลูกผู้ชาย ทำให้ชาติเสียหายคือคนในรัฐบาล ถ้า พล.อ.อ.สุกำพลเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่น ทำแบบนี้ไม่เรียกว่าลูกผู้ชาย และอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประเมินฝีมือรัฐมนตรีเหล่านี้ใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น