xs
xsm
sm
md
lg

“ศาล” คือที่พึ่งสุดท้าย ต้องให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ตามกติกาสากลระบบศาลยุติธรรมเป็นกระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนสุดท้าย เป็นกติกาของบ้านเมืองที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ ไม่ว่าชี้ขาดออกมาอย่างไรแม้ว่าฝ่ายที่เป็นโทษกับตัวเองจะไม่พอใจผลการตัดสินแต่ก็ต้องก้มหน้ารับ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ใช้การเลือกตั้งมาตัดสินชี้ขาดความถูกความผิด

ขณะเดียวกัน ไม่มีครั้งใดที่ระบบศาลไทยจะถูกข่มขู่คุกคามจากฝ่ายที่ทำผิดกฎหมายได้ถึงขนาดนี้ และไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่คนกระทำความผิดกระทำการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงจะสามารถปลุกระดมชาวบ้านให้ออกมาต่อต้านศาล ข่มขู่คุกคามตุลาการได้ถึงขนาดนี้

แต่อีกด้านหนึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะกระบวนการทางศาลนี่เองที่ “กลุ่มโจร” เหล่านี้ยังไม่สามารถฝ่าด่านไปได้ หรือ “ซื้อ” กดหัวให้เป็นลูกน้องได้ทั้งหมด ทำให้ยังเป็นอุปสรรคต่อ “แผนการใหญ่” ที่วางเอาไว้ ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องหาทาง “กำจัด” ออกไปให้จงได้

หากพิจารณาจากสภาพที่เป็นอยู่ก็ต้องระบุกันตรงๆว่าฝ่ายที่กำลังไล่บี้คุกคามศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในเวลานี้ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง ที่กระทำทั้งทางตรงนั่นคือการกล่าวโจมตีศาลรัฐธรรมนูญรวมทั้งศาลทั้งระบบทำนองว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขา ถึงกลับเคยกล่าวหาว่าเป็น “กระบวนการยุติความเป็นธรรม” มาแล้ว

อย่างไรก็ดี ก็ต้องยอมรับว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อปลายเดือนที่แล้วทำให้กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องสะดุดลง ตารางเวลาที่วางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็ต้องหยุดชะงัก และที่สำคัญทำให้เป้าหมายสำคัญที่คิดว่า “อยู่ในกำมือ” ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์กลับพลิกผันเป็นตรงกันข้าม กลายเป็นความเสี่ยง มีผลต่ออนาคตของคนที่ชักใยสั่งการซึ่งรับรู้กันดีก็คือ ทักษิณ โดยตรงนั่นเอง

ความหมายก็คือ หากในอนาคตอีกไม่นานข้างหน้าหากศาลรัฐธรรมนูญออกมาชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปตามคำร้องจริงนั่นก็ย่อมหมายถึง “หายนะ” ที่ต้องมาเยือน ทักษิณ และเครือข่ายโดยตรง เริ่มจากเรื่องเฉพาะหน้าก่อนคือ ทำให้การแก้ไขเพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นหมัน ซึ่งเป้าหมายสำคัญที่มีหลายฝ่ายประเมินตรงกันนอกเหนือจากการลบล้างความผิดและเปิดทางให้กลับเข้ามามีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ นั่นคือ การลิดรอน และแทรกแซงระบบตุลาการต้องจบเห่แล้ว ยังมีผลกระเพื่อมต่อเนื่องตามมาถึงรัฐบาลและสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติเห็นชอบกับการแก้ไขจะถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาตามมาด้วย และหนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามถูกกันออกไปให้ “ลอยตัว” ก็ตาม

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้บรรดาเครือข่าย ทักษิณทั้งในและนอกสภาจะเดินหน้าถล่มศาลรัฐธรรมนูญกันไม่ยั้ง มีการระดมมวลชนที่เป็นคนเสื้อแดงลงชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ในทาง “ใต้ดิน” ก็มีการข่มขู่คุกคามสารพัด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการกระทำต่อศาลกันแบบนี้

เชื่อว่าหลังจากนี้ไปกระบวนการในลักษณะเดียวกันจะมีความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก เพราะอย่างที่รับรู้กันว่ามันมี “เดิมพัน” สูง อนาคตขึ้นอยู่กับการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญนี่แหละ ซึ่งเท่าที่ประเมินจากความเคลื่อนไหวและความรู้สึกที่ได้รับทำให้เชื่อว่าผลจะ “ออกมาเป็นลบ” กับฝ่าย ทักษิณ นั่นเอง

อย่างไรก็ดี การใช้มวลชนออกมาข่มขู่คุกคาม แม้ว่าจะดูหวือหวาเหมือนกับมีพลัง แต่ในภาพรวมมันก็มีความเสี่ยงต่อแรงสะท้อนกลับ เพราะจะถูกสังคมส่วนใหญ่มองว่าไม่เคารพกติกา ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแน่นอนว่าบางครั้งคำตัดสินของศาลจะทำให้ฝ่ายที่ผิดไม่พอใจ แต่เท่าที่ปฏิบัติกันมาทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ และต้องเข้าสู่กระบวนการ แม้แต่ประเทศที่ต้นแบบประชาธิปไตยที่ผู้นำเมื่อถูกดำเนินคดีก็ต้องยอมรับ ไม่เคยอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งมาหลายล้านเสียง อยู่เหนือกฎหมาย

ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่ศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ไปจนถึงระบบศาลยุติธรรมอื่นๆก็กำลังยืนอยู่บนเส้นด้าย เพราะกำลังถูกคุกคามอย่างหนักอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ศาลในความหมายของ “ระบบยุติธรรม” เป็นหลักของบ้านเมือง เหมือนกับที่พึ่งสุดท้ายที่ต้องตัดสินชี้ขาด ถือว่ามีความสำคัญยิ่งยวด จะต้อง “ไม่อ่อนไหว” แต่ในเวลาเดียวกันสังคมก็ต้องช่วยกันอุ้มชู ปกป้องและให้กำลังใจเพื่อให้ศาลได้ทำหน้าที่ “อย่างยุติธรรม” เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา เพราะถ้าระบบศาลล้มลงหรือลู่ลมไปตามแรงกดดันข่มขู่ เมื่อนั้นบ้านเมืองก็กลียุคแน่นอน

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่สังคมจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำทุกทางเพื่อให้กำลังและปกป้องระบบศาลให้คงอยู่ให้ปฏิบัติหน้ารักษาความยุติธรรมอย่างเข้มแข็งต่อไป ป้องกัน กำราบคนไม่ดี ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้อีกต่อไป!!
กำลังโหลดความคิดเห็น