xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” โล่งป้องน้ำท่วมเป็นไปตามแผน เชื่อกำจัดจุดอ่อนทันน้ำหลาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยิ่งลักษณ์” เชื่ออยุธยาสถานการณ์ดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่ หลังทำพื้นที่แก้มลิง ยกแนวถนนสูงขึ้น ส่วนพื้นที่อุตสาหกรรมสหรัตนครส่ง ทบ.ที่ 13 ช่วยก่อสร้างคาดเสร็จทัน 31 ส.ค.นี้ ฟื้นฟูโรงงานคืบร้อยละ 78 เผยคนอยุธยา 1.5 แสนรายชื่อหล่นไม่ได้เงินช่วยท่วม ผวจ.อยุธยาเล็งของบเพิ่ม 6 ร้อยล้าน

วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 19.00 น. ที่พื้นที่โครงการแก้มลิง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ต้นน้ำ จ.ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยาว่า พระนครศรีอยุธยาในปีนี้สภาพน้ำน่าจะดีขึ้นเพราะทางนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมช.คมนาคม ได้อธิบายไว้ว่ามีการยกระดับแนวเขื่อนส่วนนิคมอุตสาหกรรม มีการทำแนวเขื่อนกั้นชั้นสอง ยังไม่รวมในส่วนการขุดลอกคลองต่างๆ และการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติให้สามารถที่จะรองรับได้มากขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้น เพราะเรามีสิ่งก่อสร้างให้คนอยุธยาเห็นเป็นรูปธรรม จากเมื่อก่อนไม่มีการยกแนวถนน ซึ่งเขาจะรู้ว่าพื้นที่ไหนน้ำจะท่วมโดยธรรมชาติและมีการยกระดับถนน นิคมฯต่างๆ มีสิ่งปลูกสร้างให้เห็นความแข็งแรง เช่น คลองข้าวเม่าจะมีการซ่อมแซม ซึ่งจะให้ชาวพระนครศรีอยุธยาได้เห็นชัดเป็นรูปธรรม

นายกฯ กล่าวต่อว่า ยังไม่รวมที่เราจะไปไล่ที่ต้นน้ำ กลางน้ำเพื่อชะลอน้ำไม่ให้ไหลทะลักลงมา แต่ถ้าปริมาณน้ำเหมือนปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่เราทำก็มีความแข็งแรง ทำตั้งแต่ในเทศบาลเกาะเมือง นอกเทศบาล นิคมฯ คนาคมยกระดับถนนใช้ความสูงกว่าระดับปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าการขนส่งสินค้าไปมาได้ ส่วนแผนเตือนภัยวันนี้ ซ้อมระดับหมู่บ้าน แต่จะมีการซ้อมระดับนิคมฯเป็นรายนิคมฯอีกครั้ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความมั่นใจทุกอย่างอยู่ที่ผู้ที่ได้รับว่าทำแล้วมีความมั่นใจหรือไม่ หรือมีประเด็นอะไรอีกที่ยังห่วง รัฐบาลก็จะคอยทำความเข้าใจ ถ้ายังขาดอยู่เราพร้อมจะทำงานร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าวันเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางมาถึงนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามความคืบหน้าการสร้างเขื่อนป้องกันอุทกภัย และการบริหารจัดการน้ำของ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรรม และนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา รายงานว่า มีผู้ที่ค้างการรับเงินช่วยเหลือรวมประมาณ 1.5 แสนครัวเรือน ซึ่งเป็นเพราะบางส่วนอพยพออกไป และบางส่วนไม่มาแจ้งกับทางจังหวัด ทั้งนี้คาดว่าอาจจะต้องของบเพิ่มเติม 6 ร้อยล้านบาท โดยสาเหตุที่มีรายชื่อตกหล่นมาก เพราะชาวบ้านบางส่วนย้ายที่อยู่ บางส่วนก็ไม่มาแจ้งขอรับเงินช่วยเหลือฯ

ด้าน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการสร้างเขื่อนป้องกันอุทกภัยในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมให้กับ 6 นิคม/สวน/เขตอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหรรมสหรัตนคร นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน บริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จำกัด บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) และบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า ส่วนใหญ่ดำเนินการเกือบเสร็จสิ้นในเดือน ส.ค.นี้ และที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดีจะมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ โดยมีผู้ประกอบการโรงงานในนิคมฯ ร่วมซ้อมด้วย แต่ยังมีสิ่งที่น่าห่วงคือการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำของนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร ซึ่งในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ศาลจะแต่งตั้งผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ จึงยังไม่ได้เริ่มเลย ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะประสานปรับแผนและเร่งงานดำเนินการก่อสร้างโดยเฉพาะในจุดอ่อนไหวให้เสร็จโดยเร็ว โดยต้องทำงานร่วมกับกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม และให้เสร็จทัน 31 ส.ค.นี้ ส่วนด้านหน้านิคมฯ จะปรับปรุงถนนให้เป็นแนวป้องกันน้ำ ซึ่งอยู่ในการดูแลของกรมทางหลวงชนบท ส่วนความคืบหน้าในการฟื้นฟู้โรงงานหลังประสพอุทกภัย พบว่าจากจำนวน 893 โรงงานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ขณะนี้การฟื้นฟูในภาพรวมคืบหน้าแล้วร้อยละ 78 และสิ้นเดือนนี้ความคืบหน้าในการฟื้นตัวจะเพิ่มเป็นร้อยละ80 ตามเป้ามายที่กำหนด

ด้าน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนมีความสบายใจในการดำเนินการภาพรวมที่เป็นไปตามแผน แต่มีความเป็นห่วงเรื่องเงิยนเยียวยา โดยเฉพาะเรื่องของบ้านเรือน การจ่ายเงินที่ยังตกค้าง และการพิจารณาการจ่ายเงิน ขอให้มีการชี้แจงข้อมูลเกณฑ์การจ่ายเงินดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบอย่างชัดเจน โดยให้มีคนกลาง เช่น ผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นผู้ประเมินสภาพความเสียหายได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งตนขอให้ทุกอย่างในเรื่องการจ่ายเงินดังกล่าวเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ นอกจากนี้ ขอให้มีการแจ้งข้อมูลปัญหาผู้ที่ตกค้างการรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อให้รัฐบาลได้รู้ข้อมูลล่าสุด

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่เรื่องนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร ตนขอให้ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 13 มาช่วยด้วยเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเสร็จทัน รวมถึงให้ รมว.อุตสาหกรรมเร่งติดตามความคืบหน้าให้เสร็จทัน สำหรับการขุดลอกคลองข้าวเม่าต้องเสร็จทันตามกำหนด สำหรับการซ้อมแผนเตือนภัยและการจำลองสถานการณ์เรื่องของระดับน้ำที่จะมีขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า และสวนอุตสาหกรรมบางกะดีนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่มีการซ้อมแผนนี้ โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ ควรมีการแจ้งข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษในการแจ้งต่อชาวต่างประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวและนักลงทุนให้ได้รับทราบ สำหรับการซ้อมแผนเผชิญเหตุนั้น ตนขอให้กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการบริหารจัดการ (กบอ.) และกระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำแผนซ้อมดังกล่าวร่วมกับนิคมอุตสาหกรรรมแต่ละแห่งด้วย ส่วนการซ่อมแซมโบราณสถานและสถานศึกษานั้น ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรมประสานงานกันในการดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว

กำลังโหลดความคิดเห็น