กาญจนบุรี - ชาวกาญจนบุรี รวมตัวคัดค้านกรมทางหลวงชนบท ตัดถนนผ่าตัวเมืองกาญจนบุรี ระบุเส้นทางทั้ง 3 สายไม่ได้เป็นเส้นทางตรงไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกาญจนบุรี แต่จะเป็นเส้นทางของการลำเลียงค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ดักปล้น จยย.-รถยนต์-รถบรรทุกขนส่งสินค้า ขณะที่ ผอ.ทางหลวงชนบทกาญจนบุรี เปิดเวทีชี้แจงประชาชน
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (16 พ.ค.) นายพีระพล ปั้นสังข์ ผู้อำนวยการทางหลวงชนบทจังหวัดกาญจนบุรี ตัวแทนจากรมทางหลวงชนบท ได้เปิดเวทีประชุมชี้แจงให้ข้อมูลรายละเอียดการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โครงการก่อสร้างถนนสาย ก. และสาย ค. ผังเมืองรวมกาญจนบุรี โดยมีนายสมเกียรติ ชัยประเสริฐ ผู้อำนวยการกลุ่มงานการจัดการที่ดิน และการมีส่วนร่วมเพื่อการก่อสร้างทาง (สำนักก่อสร้าง) น.ส.ฉัตรนภา รักชาติเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานเวนคืนที่ดินสำนักกฎหมาย นายสมเกียรติ แก้วผลึก ตัวแทนสำนักสำรวจและออกแบบ ร่วมเป็นตัวแทนกรมทางหลวงชนบทในการตอบคำถามเพื่อชี้แจงต่อชาวบ้านที่มีส่วนได้เสียกว่า 300 คนที่เดินทางมาร่วมประชุม ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปากแพรก อ.เมืองจ.กาญจนบุรี โดยชาวบ้านได้ทำการสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลการเวนคืนที่ดินเพื่อโครงการก่อสร้างถนนในครั้งนี้ โดยมีการสอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของโครงการ และเกี่ยวกับการเวนคืน รวมถึงการรอนสิทธิ์ผู้ครอบครองที่ดินหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้น
โดยนายพีระพล ปั้นสังข์ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบท เปิดเผยเกี่ยวกับการคัดค้านโครงการก่อสร้างถนนสาย ค.ว่า จากกรณีที่ประชาชนชาวกาญจนบุรี ได้นำป้ายมีข้อความที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างถนนสาย ก. และสาย ค. ซึ่งตรงนี้ตนขอเรียนจี้แจ้งให้ประชาชนชาวกาญจนบุรีที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการตามผังเมือง ซึ่งตามผังเมืองได้กำหนดไว้ว่าถนนสาย ก. มีเขตทางกี่เมตร และถนนสาย ค. มีเขตทางกี่เมตร จากผังเมืองได้กำหนดเอาไว้ว่าถนนสาย ก. ใช้เขตทางจำนวน 20 เมตร ถนนสาย ค. ใช้เขตทาง 30 เมตร แต่ที่เราประกาศใช้กฤษฎีกาใช้ 200 เมตรก็เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปดำเนินการก่อสร้างจะได้ไม่มีการบุกรุกที่ของชาวบ้าน
อีกทั้งยังสามารถเข้าไปสำรวจพื้นที่ของประชาชนได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนเอง และหลังจากที่เราดำเนินการก่อสร้างถนนสาย ก. ที่มีเขตทาง 20 เมตร และสาย ค. ใช้เขตทาง 30 เมตรสำเร็จ เราก็จะคืนที่ที่เป็นส่วนเกินให้แก่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ตามปกติ ยกตัวอย่าง เช่น เราได้สร้างเส้นทางตามผังเมืองในพื้นที่จังหวัดราชบุรี คือ ถนนสาย ค. หลังจากสร้างเสร็จพื้นที่ส่วนที่เกินเราก็คืนให้แก่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น จึงอยากเรียนไปยังประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวได้เข้าใจโดยทั่วกัน
แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดกาญจนบุรี จะเร่งทำป้ายเพื่ออธิบายและชี้แจงให้แก่ประชาชนได้รับรู้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อลดกระแสการเข้าใจผิด ดังนั้น ตนจึงประสานไปยังกรมทางหลวงชนบทเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่ออธิบายลงในรายละเอียดให้มากกว่านี้
น.ส.ฉัตรนภา รักชาติเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานเวนคืนที่ดินสำนักกฎหมาย เปิดเผยเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างว่า ในส่วนนี้กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินโครงการเพื่อขอเวนคืนที่ดินเพื่อทำการศึกษาและสำรวจเพื่อเสนคืนที่ดินที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการโดยการประกาศแนวเวนคืนเพื่อสำรวจประกาศใช้ความกว้าง 200 เมตร แต่ใช้ที่ดินในการสร้างถนนสาย ก. แค่ 20 เมตร ถนนสาย ค. แค่ 30 เมตรเท่านั้น เมื่อสร้างเสร็จชาวบ้านก็จะได้สิทธิ์ในการครอบครองที่ดินส่วนที่เหลือจากการใช้สร้างถนนทั้งสองเส้นเช่นเดิม
ด้านนายพิศิษฐ์ ยินดีวี ตัวแทนผู้ประสานงาน เครือข่ายที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีด้านสังคมจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมตัวแทนเครือข่ายองค์กรร่วมคัดค้านจำนวน 8 เครือข่ายคือ 1.เครือข่ายสมาคมศูนย์ประสานงานองค์การเอกชน 2.เครือข่ายศูนย์ประสานงานองค์กรชุมชน 3.เครือข่าย ปปช.ภาคประชาสังคม 4.เครือข่ายเฝ้าระวังภัยคุมคามภาคประชาสังคม 5.กลุ่มต้นน้ำแคว (ประชาสังคมจังหวัดกาญจนบุรี) 6.เครือข่ายสมัชชาปฏิรูป 7.เครือข่ายแก้ไขปัญหาที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัย และ 8.เครือข่ายที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการแผ่นดินสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือขอคัดค้านโครงการก่อสร้างถนนสาย ก., ข. และ ค. จังหวัดกาญจนบุรีถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท และทางหลวงชนบทจังหวัดกาญจนบุรี โดยให้เหตุจำนวน 14 ข้อ โดยใช้สิทธิของประชาชนในชุมชนตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
โดยนายพิศิษฐ์ กล่าวถึงการคัดค้านโครงการว่า การคัดค้านโครงการก่อสร้างถนนสาย ก., ข. และ ค. เป็นการดำเนินงานภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ตามข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏและตรวจสอบได้ การก่อสร้างถนนทั้ง 3 สายไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขยายตัวของชุมชนที่เป็นไปอย่างไม่รวดเร็วได้ และสูญเสียงบประมาณที่ไม่ก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชน และขาดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการก่อสร้างถนนสาย ก., ข. และ ค. ไม่สามารถเป็นทางลัดให้ประชาชนเป็นเส้นทางที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้น ไม่ปลอดภัย เป็นสนามประลองความเร็วของรถจักรยานยนต์ สร้างปัญหาสังคมให้แก่จังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงไม่สามารถรองรับการท่องเที่ยวได้
“ด้วยเส้นทางทั้ง 3 สายนี้ไม่ได้เป็นเส้นทางตรงไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี แต่จะเป็นเส้นทางของการลำเลียงยาเสพติด ซื้อขายยาเสพติด เส้นทางค้ามนุษย์ เส้นทางดักปล้นรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุกขนส่งสินค้า รถโดยสารนักท่องเที่ยว สร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” นายพิศิษฐ์ กล่าว