xs
xsm
sm
md
lg

เวทีถกสร้างถนนผ่าเมืองกาญจน์วุ่น กลุ่มค้านฮือบุกห้องประชุมทะเลาะวิวาทจนการประชุมล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - เวทีถกสร้างถนนผ่าเมืองกาญจน์ สาย ก. ข. และ ค.วุ่น กลุ่มค้านฮือบุกห้องประชุมทะเลาะวิวาท แย่งไมโครโฟน ไล่เตะกันจนการประชุมล่ม สรุปมติชาวบ้านที่ร่วมการประชุมไม่มีใครต้องการถนน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการคัดค้านการสร้างถนนผ่าเมืองกาญจนบุรี เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (29 ส.ค.) กลุ่มเครือข่ายคัดค้านการสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค.ผังเมืองรวมกาญจนบุรี นำโดย นางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจนบุรี และนางภูวนีย์ มะลิผล ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ พร้องชาวบ้านกว่า 300 คนเดินทางไปที่หน้าบันใดทางขึ้นโรงแรมราชศุภมิต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของกรมทางหลวงชนบท ที่ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข.และ ค.อย่างไม่โปร่งใส ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในแนวเวนคืน และกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม

ทั้งนี้ มีการนำป้ายคัดค้านโครงการจำนวนมากถือประท้วงประกอบการปราศรัย ส่วนที่บริเวณทางเข้าห้องประชุมออร์คิด ตัวแทนผู้ประท้วงด้านหน้าโรงแรมได้เจรจากับผู้จัดการประชุม เบื้องต้นไม่อนุญาตให้เข้าร่วมประชุมได้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้เจรจากับผู้จัดการประชุมอีกครั้งหนึ่ง โดยการเจรจาได้ข้อสรุป คือ ยินยอมให้ผู้ชุมนุมเข้ารับฟังการประชุมได้

ส่วนภายในห้องประชุมออร์คิด โรงแรมราชศุภมิต กรมทางหลวงชนบทได้จัดการประชุมงานสำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์โครงการก่อสร้างถนนสาย ก.และ ค.ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี โดยเบื้องต้น ให้ผู้เข้าร่วมประชุมเฉพาะผู้ที่ได้รับหนังสือเชิญร่วมประชุมเท่านั้น โดยทราบว่ามีประมาณ 100 คนเท่านั้น โดยมีนายสมเกียรติ ชัยประเสริฐ วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ สำนักก่อสร้างทางหลวงชนบท นายเขตโสภณ โภคารัตนานันท์ จากสำนักก่อสร้างทางหลวงชนบท นางเนื้อน้อง เจริญทรง นิติกรชำนาญการสำนักกฎหมาย กรมทางหลวงชนบท และนายสุนทร เตชะวิจิตรไพศาล จากบริษัทเซเว่น แอสโซซิเอต คอนซัลแตนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ร่วมเป็นวิทยากรบนเวที โดยวิทยากรได้อธิบายเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของการเวนคืนในโครงการนี้ ต่อจากนั้น ได้วิดีโอพรีเซนต์อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ ขณะเดียวกัน ผู้จัดการประชุมได้อนุญาตให้ผู้ประท้วงทั้งหมดเข้าร่วมฟังการประชุมได้ ดังนั้น กลุ่มผู้ประท้วงจึงเดินเข้าห้องประชุมและมีการกระจายคนถือป้ายคัดค้านการสร้างถนนล้อมที่นั่งของผู้ที่เข้ารับฟังการประชุม

หลังจากนั้น นางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจนบุรี และนางภูวนีย์ มะลิผล ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ แกนนำผู้ประชุมได้เดินทางไปยังแท่นกล่าวรายงานข้างเวที จากนั้นนางภูวนีย์ได้จับไมค์ และพูดผ่านไมโครโฟนว่า พวกเราที่มาทั้งหมดไม่ต้องถนน ก. ข. และ ค.พร้อมกับต่อว่าผู้จัดการประชุมว่า ทำไมผู้ที่มาที่นี่ทั้งหมดเป็นผู้ได้ผลกระทบโดยตรงจากการเวนคืน แต่ไม่ได้รับหนังสือเชิญ จากนั้นมีการโต้เถียงระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมกับผู้ประท้วง จนนำไปสู่การใช้กำลังทั้งแย่งไมโครโฟน ทั้งไล่เตะกัน ทั้งท้าท้าย และสุดท้ายเกิดความวุ่นวายจนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าทำการระงับเหตุแยกคู่กรณีที่ทะเลาะกันออกจากกัน แต่เหตุการณ์โต้เถียงก็ยังมีเสียงโห่ตลอดเวลา

ท้ายสุด นางภูวนีย์ ได้ตะโกนผ่านไมโคโฟนว่าประชาชนที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ใครไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการถนนของกรมทางหลวงชนบทให้ยกมือขึ้น สิ้นเสียงประกาศชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมประมาณ 400 คนได้ยกมือคัดค้านโครงการอย่างพร้อมเพรียง

จนสุดท้าย การประชุมไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้นายเขตโสภณ โภคารัตนานันท์ จากสำนักก่อสร้างทางหลวงชนบทที่อยู่บนเวทีได้กล่าวกับที่ประชุมว่า หากโครงการไม่มีใครต้องการจริง กรมทางหลวงชนบทก็จะทำเรื่องเสนอเรื่องการคัดค้านโครงการต่อทางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้พิจารณาโดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่วมพิจารณาและมีกลุ่มคัดค้านร่วมด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากประชาชนไม่ต้องการทางหน่วยราชการก็ไม่สามารถดำเนินการได้ต้องขอขอบคุณ และขอปิดประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการที่กรมทางหลวงชนบทได้ประกาศปิดการประชุมกลางคันทำให้กลุ่มชาวบ้านทั้งห้องประชุมต่างโห่ร้องดีใจ และความตึงเครียดก็หยุดลงทุกฝ่ายต่างทยอยกลับ

นางภูวนีย์ มะลิผล ผู้ประสานงานเครือข่ายคัดค้าน เปิดเผยว่า การที่กรมทางหลวงชนบทไม่สมควรที่จะจัดการประชุมแบบสร้างความแตกแยกให้แก่คนจังหวัดกาญจนบุรี โดยเลือกเชิญแต่เฉพาะในส่วนของผู้ถูกเวนคืนบางรายเท่านั้น ตรงนี้เป็นเหตุผลเพียงพอต่อการที่ชาวบ้านออกมาแสดงพลัง จากการแสดงออกโดยยกมือคัดค้านโครงการทั้งห้องประชุม ถือว่าเป็นมติที่ผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างถนนสาย ก. ข.และ ค.ได้แสดงให้กรมทางหลวงชนบทเห็นว่า ทุกคนไม่ต้องการถนนอัปยศที่สร้างปัญหาให้แก่ประชาชนชาวกาญจนบุรี งบประมาณกว่า 500 ล้านบาทที่จะสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ควรจะนำไปขยายผิวการจราจรถนนบายพาสเลี่ยงเมืองจะเกิดประโยชน์ และแก้ปัญหาให้แก่จังหวัดกาญจนบุรีอย่างคุ้มค่าในการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนอย่างเหมาะสมที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น