กาญจนบุรี - ชาวบ้านกว่า 300 คนร่วมประชุมค้านสร้างถนนผ่าเมืองกาญจน์ โครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผู้แทนทางหลวงชนบท ย้ำโครงการนี้ไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ทำแค่ประชาคมกลุ่มเท่านั้น แห่ลงชื่อยื่นศาลปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการคัดค้านกรมทางหลวงชนบทดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค.โดยมีแนวถนนผ่าพื้นที่ชุมชนเมืองในบริเวณ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง ต.ปากแพรก ต.บ้านเหนือ ต.บ้านใต้ ต.บ้านยาง อ.เมืองกาญจนบุรี ว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (23 ส.ค.) นายประโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้เป็นประธานในเวทีประชาชน ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปากแพรก โดยมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกว่า 300 คนเข้าร่วมรับฟัง โดยกรมทางหลวงชนบทได้ส่ง นายสราวุธ กรันย์วัฒนกุล นายช่างโยธาชำนาญการ จากสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดกาญจนบุรีมารับฟัง และตอบข้อซักถามต่อประชาชนที่เข้าร่วมประชุม
โดยนางภูวนีย์ ทับมะลิผล ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างถนน สาย ก. ข.และ ค. และนายพิสิษฐ ยินดีวี ที่ปรึกษาผู้ตรวจสำนักนายกภาคประชาสังคม และนายพิชิญ์ สิทธิสร ทนายความกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข.และ ค.เป็นตัวแทนในการสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนในการการดำเนินโครงการไม่โปร่งใส และไม่มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งโครงการดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อชาวบ้านที่อาศัยเป็นชุมชนหนาแน่น
ซึ่งนายสราวุธ กรันย์วัฒนกุล นายช่างโยธาชำนาญการ ได้ตอบคำถามว่า โครงการก่อสร้างถนนสาย ก.และ ค. เป็นการดำเนินการตามผังเมืองรวม โดยขั้นตอนนี้เป็นการศึกษาสำรวจความเหมาะสม ส่วนการรับฟังความคิดเห็นได้ทำเป็นกลุ่มย่อย เพราะไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ การสำรวจตอนนี้ได้ดำเนินการเฉพาะถนนสาย ก.และ ค.เท่านั้น เนื่องจากมีการร้องเรียนคัดค้านโครงการจำนวนมากพอสมควร ทางกรมทางหลวงชนบทได้ทำหนังสือถึงจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อตั้งคณะกรรมการ หรืออนุกรรมการมาพิจารณาว่าโครงการนี้เหมาะสมจะดำเนินการในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งทุกอย่างจะต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ชาวบ้านที่ร่วมประชุมทั้งห้องประชุมแสดงอาการไม่พอใจการตอบคำถามของผู้แทนกรมทางหลวงชนบท ที่ไม่สามารถตอบคำถามทุกคำถามได้ โดยรับที่จะนำไปหารือฝ่ายกฎหมายในการตอบคำถามต่อชาวบ้านในครั้งต่อไป และในที่สุด แกนนำเครือข่ายคัดค้านโครงการก่อสร้างถนนทั้ง 3 สายได้ประกาศต่อที่ประชุมขอมติจากผู้ร่วมประชุมว่าเห็นด้วยกับการดำเนินโครงการนี้หรือไม่
ปรากฎว่า ผู้ร่วมประชุมทั้งห้องประชุมได้ยกมือคัดค้านการก่อสร้างโครงการนี้ ต่อมา ชาวบ้านจำนวน 246 คนได้ลงลายมือแนบสำนวนเพื่อยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เนื่องจากเป็นการดำเนินโครงการที่ละเมิดต่อสิทธิชุมชนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 ต่อไป