กาญจนุบรี - กลุ่มสตรีกาญจน์ พร้อมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบถูกเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนสาย ก. ข. ค. ของกรมทางหลวงชนบท เข้าพบ ปธ.อนุกรรมการสิทธิชุมชนฯ พร้อมยื่นหนังสือให้ตรวจสอบการดำเนินการของกรมทางหลวงชนบทที่ดำเนินการละเมิดสิทธิชุมชน และขอให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ด้วย แฉที่ผ่านมา กรมทางหลวงชนบทดำเนินการไม่โปร่งใส่
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มสตรีจังหวัดกาญจนบุรีว่า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยกลุ่มสตรีกาญจน์ และประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. สาย ข. และ สาย ค. ซึ่งเป็นโครงการของกรมทางหลวงชนบท โดยได้เข้าพบ นายแพทย์นิรันทร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร พร้อมทั้งยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิชุมชนกรณีการสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ในพื้นที่ตัวเมืองกาญจนบุรี
สืบเนื่องจาก กรมทางหลวงชนบท มีโครงการขยายถนนจำนวน 3 สาย คือ สาย ก. ข. และสาย ค. ตามผังเมืองรวมปี 2543 ซึ่งหมดอายุแล้วตามกรอบผังเมืองรวม 5 ปี เพิ่งมาดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบทได้ออกกฤษฎีกาบริเวณที่จะเวนคืนที่ดินในท้องที่กำหนดเวนคืนที่ดินในพื้นที่ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง ต.ปากแพรก ต.บ้านใต้ ต.บ้านเหนือ ต.ท่าม่วง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งการดำเนินการของกรมทางหลวงชนบททำให้ต้องมีการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนทั้ง 3 สาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน และชุมชนอย่างชัดเจน
อีกทั้งการดำเนินการที่ผ่านมา กรมทางหลวงชนบทไม่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นกระบวนการมีส่วนร่วมไม่โปร่งใส ซึ่งไม่ได้เป็นไปโดยที่ประชาชนในชุมชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และการดำเนินการดังกล่าวจะกระทบต่อเมืองกาญจนบุรีในรูปแบบอื่นๆ ตามมาอีกด้วย
ดังนั้น กลุ่มสตรีกาญจน์ และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เห็นว่า การดำเนินการของกรมทางหลวงชนบทเป็นการละเมิดสิทธิชุมชนที่ได้ระบุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 66 และมาตรา 67 ว่าด้วยสิทธิชุมชน และขั้นตอนการดำเนินการโครงการสร้างถนนก็ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชนบริเวณที่จะได้รับผลกระทบอย่างโปร่งใส มีประเด็นที่ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบในวงกว้าง กระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนที่อาศัยอยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
ตลอดบริเวณโดยรอบของถนนที่จะมีการเวนคืน ซึ่งชุมชนมองว่า ถนนที่จะก่อสร้างและบางส่วนขยายกว้างใหญ่กว่าที่จะเป็น ซึ่งในแผนงานของกรมทางหลวงชนบท คาดว่าจะเวนคืนที่ดินทั้งสองฝั่งซ้าย และขวาจากถนนเดิมข้างละ 100 เมตร รวม 200 เมตร และเป็นชุมชนเมืองที่เกินกว่าความจำเป็นที่จะดำเนินการได้ถึงขนาดนั้น ซึ่งมันน่าจะมีทางเลือกในการดำเนินการที่ไม่ต้องให้ชุมชนได้รับผลกระทบมากขนาดที่วางแผนไว้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการถึงขนาดนั้น
ทั้งนี้ จึงขอร้องเรียนไปยังอนุกรรมการสิทธิชุนชนและฐานทรัพยากรกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้ตรวจสอบการดำเนินการของกรมทางหลวงชนบทที่ดำเนินการละเมิดสิทธิชุมชน และขอให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ด้วย