ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สำนักนายกรัฐมนตรีเปิดห้องเตรียมความพร้อมให้ผู้ว่าฯ-รองฯ รวมถึงกรรมการฯ-ตัวแทนหน่วยงานจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ในการสรรหากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดฯ ที่เชียงใหม่ หาคนที่สังคมยอมรับเข้ามาทำหน้าที่ได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ นายระพีพันธุ์ สริวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมในการสรรหากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดของจังหวัดภาคเหนือ ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจาก 17 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วม
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 และแนวทาง/วิธีการสรรหากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด เพื่อให้จังหวัดและฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการสรรหากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ได้บุคคลที่เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเป็นที่ยอมรับของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง ให้ได้เข้ามาทำหน้าที่สอดส่องเสนอแนะในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานต่างๆ ตามบทบาทอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมายได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ และประชาชน
การสัมมนาครั้งนี้ยังเป็นการรับฟังความคิดเห็นของจังหวัดและอำเภอเกี่ยวกับการสอดส่องงาน-โครงการของกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการสรรหากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดอีกด้วย
ทั้งนี้ กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดจะเป็นการสรรหาผู้แทนจากภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน ให้เข้ามาทำหน้าที่สอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ในกรณีพบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หรือมีกรณีทุจริต และเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติและส่งเสริมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเพื่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานของรัฐในจังหวัด เพื่อสร้างประโยชน์สุขให้เกิดแก่ประชาชนโดยรวม