xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองชั่วพึ่งพาไม่ได้ ถึงเวลาประชาชนปฏิรูป!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ต้องกล่าวกันแบบตรงไปตรงมาแบบนี้จริงๆ สำหรับนักการเมืองบ้านเรา เพราะนับวันยิ่งมีพฤติกรรมสะอิดสะเอียน จนรับไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดที่ทำให้อารมณ์ต้องขาดผึงก็คือการใช้เล่ห์เหลี่ยมเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติต่อสภา ซึ่งวัตถุประสงค์หลักก็คือต้องการให้นิรโทษกรรมแบบ “เหมาเข่ง” ให้กับนักการเมืองชั่ว ที่ถูกศาลพิพากษาความผิดจากการทุจริตเลือกตั้ง คดีอาญาร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือการลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร และได้ทรัพย์สินที่เคยถูกยึดเป็นของแผ่นดินกลับคืนไป

สาระหลักเป็นแบบนี้จริงสำหรับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่คราวนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตทหารที่เคยรัฐประหารรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนรับหน้าที่ในการนำเสนอ อ้างว่าตัวเองไม่มีส่วนในการได้เสีย พร้อมทั้งยังระบุว่าไม่ใช่เป็นการลบล้างความผิดให้กับทักษิณ ซึ่งแน่นอนว่าชื่อของร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้มีชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัติล้างความผิดทักษิณ ชินวัตร” แน่นอน แต่ถ้าพิจารณาจากเนื้อหาสาระทั้งหมดที่มีอยู่ 8 มาตรา มันก็บ่งชัดอยู่แล้วว่าครอบคลุมไปถึงทักษิณอย่างแน่นอน

บรรดานักการเมืองที่เคยหากินอยู่กับธุรกิจการเมือง ต่างออกมาสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ กันอย่างออกนอกหน้า ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดา “หัวโจก” คนเสื้อแดง ที่ได้ดีเป็น ส.ส.ในสภาและถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย แต่เพื่อความแนบเนียนเป็นการตบตามวลชนคนเสื้อแดงก็มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติเข้ามาประกบโดยระบุว่าไม่ให้นิรโทษคดีก่อการร้าย สั่งฆ่าประชาชน แต่เอาเข้าจริงก็ต้องงดออกเสียง เพราะหนึ่งผู้มีส่วนได้เสีย อีกทั้งวัตถุประสงค์แท้จริงก็ต้องการสนับสนุนร่างที่เสนอโดย พล.อ.สนธิอยู่แล้ว เพราะถ้าผ่านตัวเองก็ได้รับอานิสงฆ์ไปด้วยอยู่แล้ว

สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาของ บรรหาร ศิลปอาชา ที่สั่งการผ่าน ชุมพล ศิลปอาชา น้องชาย ประกาศให้การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า เพราะทำให้พวกสมาชิกบ้านเลขที่ 109 ได้รับประโยชน์พ้นโทษจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากการทุจริตการเลือกตั้งจนถูกยุบพรรคชาติไทย ซึ่งที่ผ่านมาคนพวกนี้ก็มักออกมากล่าวโทษรัฐธรรมนูญว่าไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยที่ไม่มองตัวเองเลยว่าทำชั่วเอาไว้มากมายขนาดไหน ทำลายบ้านเมืองหากินกับงบประมาณมากเท่าไหร่ ตรงกันข้ามการบังคับใช้ต้อง “ยาแรง” กว่านี้หลายเท่าด้วยซ้ำถึงจะเอาอยู่

หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ก็พอเข้าใจได้ว่า การเสนอกฎหมายในลักษณะดังกล่าว มันก็ไม่ต่างการใช้สภาทาส “ปล้นอำนาจ” ของฝ่ายตุลาการ ทำลายเสาหลักของบ้านเมืองให้พังทลายลงมานั้น ส่วนสำคัญเป็นเพราะต้องการ “เร่งปิดเกม” โดยเร็ว เนื่องจากบรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจเรื่อยๆ เห็นได้จากผลงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สร้างความผิดหวังให้กับชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พวกตัวเอง ความนิยมติดลบอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ นโยบายประชานิยมที่หวังซื้อใจก็ติดขัด หันไปทางไหน ก็เริ่มมีเสียงด่าดังขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศไม่สนุกเหมือนเก่า เชื่อว่า ทักษิณ ก็รู้ดี จึงต้องเร่งรัดเสี่ยงตายอย่างที่เห็น

อย่างไรก็ดี ในมุมของชาวบ้านกลับมองเห็นว่านี่คือความเห็นแก่ตัวของพวกนักการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นนักการเมืองชั่วเสียด้วย พฤติกรรมและท่าทีที่แสดงออกมาทำให้รับไม่ได้ เพราะน่ารังเกียจเหลือคณา ขณะเดียวกันทำให้หมดความศรัทธา พึ่งพาไม่ได้ กลายเป็นว่าสังคมกำลังมองคนพวกนี้อย่างเหยียดหยาม

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้ชาวบ้านต้องรีบหาทางออก นั่นคือต้องรีบหาทางสกัดกั้นหยุดยั้งไม่ให้นักการเมืองเลวๆพวกนี้ได้มีโอกาสออกมาเสนอหน้า เพราะรังแต่จะสร้างความเดือดร้อน ฉุดรั้งการพัฒนาชาติไม่สิ้นสุด ซึ่งหนทางที่จะแก้ปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างถาวร ก็มีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือต้องมีการปฏิรูปการเมืองทั้งระบบอย่างขนานใหญ่และทันที ซึ่งวิธีการที่ต้องทำก็คือให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและกำหนดมาตรการในควบคุมและตรวจสอบนักการเมือง ไม่ให้ใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป

นับวันเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องแบบ “เตะหมูเข้าปากสุนัข” แบบเดิมๆอีกต่อไป ที่คราวหนึ่งเปลี่ยนแปลงอำนาจไปสู่ขั้วอำนาจอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเลวและเห็นแก่ตัวไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่สังคมต้องการก็คือต้องการเปลี่ยนแปลงในทุกระดับชนิดเข้มข้น ต้องสร้างองค์กรตรวจสอบ ทั้งที่เป็นองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรมให้เข้มแข็ง ขณะเดียวกันองค์กรภาคประชาชนจะต้องได้รับการส่งเสริมให้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เพราะมีแต่หนทางแบบนี้เท่านั้นที่จะหาทางออกให้กับบ้านเมืองอย่างถาวร

เพราะการเมืองชั่ว เห็นแก่ตัว ชาวบ้านพึ่งพาไม่ได้ ดังนั้นมีทางเดียวก็คือต้องปฏิรูปโดยภาคประชาชน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น