xs
xsm
sm
md
lg

วัดใจคนไทยนิ่งเฉยดูดาย ปล่อย “แม้ว” ย่ำยีตามอำเภอใจ!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

วันพรุ่งนี้ (30 พฤษภาคม) แล้วสินะที่ต้องจับตาดูว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ นัดประชุม ส.ส.เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.พรรคมาตุภูมิ อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แอบไปเสนอเข้าสภาและมีการงุบงิบรวบรัดบรรจุเข้าระเบียบวาระรอท่าไว้แล้ว ว่าจะเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนเป็นเรื่องเร่งด่วนเป็นอันดับต้นๆ หรือไม่

วันเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมไปถึงคนไทยที่รักความเป็นธรรมและความถูกต้องอื่นๆ นัดหมายกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป เพื่อแสดงพลังคัดค้านให้เต็มที่

นาทีนี้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งอธิบายรายละเอียดเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติปรองดองฯ ดังกล่าว เพราะใน 8 มาตรา สามารถสรุปรวมได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นักการเมืองชั่ว นักการเมืองที่ฉ้อฉล ที่ถูกศาลพิพากษาความผิดผิดตามพยานหลักฐานที่ปรากฏชัดแจ้งแล้ว คดีความต่างๆ ที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องกับการเมือง การชุมนุมทางการเมือง ก็เป็นอันยกเลิกไม่จำเป็นต้องค้นหาความจริงกันอีกต่อไป คดีเผาศาลกลาง คดียิงอาร์พีจีวัดพระแก้ว รวมไปถึง “คดีล้มเจ้า”ก็อาจเข้าข่ายการเมือง ก็จะได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด เพราะจะมีการนิรโทษกรรมทุกกรณี

ที่สำคัญก็คือพวกนักการเมืองตัวเอ้ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพวกบ้านเลขที่ 109 ที่เพิ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปไม่นานก็จะได้พ้นโทษกลับมาปล้นชาติได้ตามปกติ

สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญก็จะเดินลอยชายกลับเข้ามา “อย่างเท่” เพราะในเนื้อหาของกฎหมายปรองดองดังกล่าวได้ระบุให้ยกเลิกผลดำเนินคดีขององค์กรที่ตั้งโดยคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งจะส่งผลให้ความผิดที่ศาลพิพากษาจำคุกเขาเป็นเวลา 2 ปีในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก รวมทั้งคดีที่ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทและอีกหลายคดีทุจริตที่ยังค้างคาอยู่ในศาลก็เป็นอันยกเลิก ทำให้เขาไม่มีความผิดและได้เงินคืนมา

ทุกอย่างด้วยเหตุผลเพื่อความปรองดอง แล้วๆ กันไป เจ๊ากันไป ให้ลืมอดีตแล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน พูดกันเองเออเองในหมู่พวกนักการเมือง อ้างว่านี่คือกระบวนการประชาธิปไตยตามระบบรัฐสภา ที่ผ่านการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก และถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นครั้งแรกที่ใช้เสียงข้างมากมาลบล้างความผิด ลบล้างคำพิพากษาของศาล ต่อไปความถูกผิดจะสามารถตัดสินกันด้วยการเลือกตั้ง และข้ออ้างปรองดอง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามความเป็นจริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน และรับรู้ความจริงว่ามี ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนสั่งการชักใยอยู่เบื้องหลัง โดยคราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่โดยให้คนที่เคยรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลของเขา คือ พล.อ.สนธิ มาเป็นคนเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองฯเข้ามา

ที่น่าสังเกตก็คือ ตัว พล.อ.สนธิ ที่เดิมขณะที่เป็นหัวหน้าก่อการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19กันยายน 2549 ได้เคยอ้างข้อหา 4-5 ข้อหาฉกรรจ์ กับ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในเรื่องไม่จงรักภักดี ทุจริต แทรกแซงองค์กรอิสระ ซึ่งก็สอดคล้องกับความจริงที่ประชาชนประจักษ์อยู่ในขณะนั้น แต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนไปแบบ “หน้ามือเป็นหลังเท้า” ทำราวกับว่าการรัฐประหารดังกล่าวเป็นแค่อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามใจชอบ ไม่ต่างจากเด็กเล่นขายของ ทั้งที่ต้นทุนความเสียหายเกิดขึ้นสุดคณานับ มาวันนี้บอกว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วต้องปรองดอง

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงคนที่เปลี่ยนไปน่าจะเป็น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มากกว่า เปลี่ยนไปจนชาวบ้านมองว่า “เพี้ยน” และสงสัยว่ามีผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่คุ้มค่ามหาศาลที่ได้รับทั้งในวันนี้และวันหน้ามากกว่า และที่ผ่านมาก็ดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยยอมรับการอุปโลกน์ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญปรองดอง เพื่อเป็นเครื่องมือในการนำมาสู่การเสนอพระราชบัญญัติปรองดองฯ ในวันนี้

แม้ว่าหลายคนมองว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการหยั่งกระแสความรู้สึกของชาวบ้าน ถ้า “ไม่แรงจริง” ก็ดันต่อ แต่อีกด้านหนึ่งหากมีกระแสต่อต้านแรงเกินคาดก็ถอยกลับไปตั้งหลักชั่วคราว อย่างน้อยก็รอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการยกเลิกมาตรา 309 ที่เกี่ยวกับการยกเลิกองค์กรอิสระเสร็จสิ้นลงไปเสียก่อน โดยระหว่างนี้ก็ให้ชะลอการพิจารณาออกไปแล้วให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวค้างวาระอยู่ในในสภาไปก่อนก็ได้

ปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น หากพิจารณากันด้วยความเข้าใจและลำดับเหตุการณ์ย่อมมองออกได้ไม่ยาก เพราะไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกอย่างทำไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก โดยพ่วงเอานักการเมืองชั่วๆให้พ้นผิดได้กลับมากัดแทะบ้านเมืองได้โดยสะดวกอีกรอบ เพราะคิดว่าคนไทยนั้นดีแต่พูด หรือไม่ก็นิ่งดูดาย ธุระไม่ใช่ ทำให้คนพวกนี้เหิมเกริมไม่สิ้นสุด จะย่ำยีอย่างไรก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่การยกเลิกคำพิพากษาของศาล โดยใช้เพียงเสียงข้างมากในสภาที่ตัวเองสั่งได้ยกมือออกเป็นกฎหมายลบล้างความผิดของตัวเองอย่างหน้าด้านที่สุด อย่างไรก็ดีหวังว่าคนไทยจะตาสว่าง เห็นถึงขบวนการถ่อยที่เกิดขึ้น ต้องออกมาขัดขวางโดยไม่มีข้อแม้ และทันที!!
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
กำลังโหลดความคิดเห็น