พรรคเพื่อไทยพรรคแกนนำรัฐบาล และพลพรรคเสื้อแดงซึ่งเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาลยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นการยื่นภายหลังจากที่สรุปบทเรียนที่เคยล้มเหลวมาแล้วในสมัยที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยขณะนั้นยังเป็นพรรคพลังประชาชน
คราวนี้พรรคเพื่อไทยที่สืบทอดมาจากพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทยซึ่งมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของ เป็นผู้บงการทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภาระหน้าที่ที่จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ที่ทักษิณ รู้สึกเจ็บปวดเป็นนักเป็นหนาทิ้งไปให้ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดจากคณะรัฐประหารที่ล้มอำนาจทักษิณ และรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติมาตราสุดท้ายคือ มาตรา 309 ที่เขียนเอาไว้ว่า
บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้
การตรวจสอบทรัพย์สินด้วย คตส.ก็ดี ผลการตรวจสอบของ คตส.ก็ดี คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันเนื่องมาจากการตรวจสอบของ คตส.แล้วอัยการเห็นชอบให้ฟ้องก็ดี ล้วนสร้างความเจ็บช้ำให้แก่ทักษิณ ทำให้ทักษิณต้องระเหระหนหนีคุกอยู่ต่างประเทศ ทั้งที่เขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลชี้นิ้วให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เป็นข้าราชการประจำไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้เกือบทั้งนั้นในเวลานี้
และนี่คือเหตุผลที่จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้งและร่างขึ้นใหม่
ที่พูดกันว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ หากแต่เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทิ้งแล้วร่างขึ้นใหม่ ถ้าหากเพียงแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 2-3 มาตราหรือมากกว่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมี ส.ส.ร.ซึ่งจะต้องเลือกมาใหม่มาจากทุกจังหวัดส่วนหนึ่งมาจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้จากสาขาต่างๆ ประมาณ 99 คนหรือมากกว่าให้มาทำหน้าที่ ลำพังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยก็แก้ไขได้ หรือร่างขึ้นมาใหม่ได้ แต่เพื่อให้ดูเนียน ดูเป็นประชาธิปไตย จึงต้องมีสมาชิกสภาร่างฯ ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่
โดยที่หน้าตาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญร่างขึ้นมา รูปการณ์ทำให้ประชาชนทั้งหลายเข้าใจเช่นนี้ แต่การที่พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายกุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในขณะนี้ กุมอำนาจรัฐอยู่ในขณะนี้ และกุมความเหนือกว่าฝ่ายค้านคือ พรรคประชาธิปัตย์ในการเอาชนะการเลือกตั้ง ขณะนี้จึงมั่นใจได้ว่า รัฐบาลหรือทักษิณ ชินวัตร จะกุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะบอกได้ใช้ฟัง ไม่ต่างไปจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย และคณะรัฐมนตรีขณะนี้
จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกำหนดเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญที่จะร่างขึ้นมาใหม่ ไม่ต่างไปจากเขียนใส่มือให้กับพวกเขายังไงยังงั้น
มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่ลงโทษให้ยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ลงโทษกรรมการพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยให้เพิกถอนสิทธิหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี ก็อาจจะหายไปในรัฐธรรมนูญฉบับที่จะร่างขึ้นมาใหม่
มาตรา 102 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (7) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ จะต้องถูกยกออกไปเพื่อเปิดทางให้ใครบางคนที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทมาแล้ว ได้กลับมาเล่นการเมืองอีก ไม่ต้องใช้น้องเขย น้องสาวให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนตัว
และถ้าหากสามารถเขียนเอาไว้ว่า การณ์ใดก็ตามที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ถือว่าการณ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างทุกประการกลับไปสู่วันที่ 18กันยายน 2549 ได้พวกเขาก็จะพยายาม
ยังมีองค์กรอิสระต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาว่า จะเขียนไว้อย่างไรให้สามารถเข้าไปแทรกแซงได้เหมือนดังที่เคยแทรกแซงมาแล้วไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ฯลฯ ต้องมาพิจารณาใหม่ว่าจะเอาองค์กรไหนไว้ จะโละองค์กรไหนทิ้งและจะแทรกแซงได้ด้วยวิธีใด
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนับจากบัดนี้เป็นต้นไป เพราะนี่คือเจตนารมณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร นับตั้งแต่เขาถูกคณะรัฐประหารเตะกระเด็นไปจากอำนาจเมื่อวันที่ 19กันยายน 2549 แม้ทุกวันนี้เขาจะทรงอิทธิพลสามารถชี้นิ้วบงการความเป็นไปต่างๆ ในประเทศไทยได้ แต่เขาก็ยังมีชนักติดหลัง มีคำพิพากษาของศาลให้จำคุก มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์เขาไปส่วนหนึ่ง และมีคดีความต่างๆ ยังอยู่ในศาลอีกหลายคดี
เขาอยากกลับเข้าประเทศอย่างผู้บริสุทธิ์ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากกลับมามีอำนาจอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องคอยบงการคนอื่นให้ทำแทน
เขาเคยมีบทเรียนมาแล้วเมื่อคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังการเลือกตั้ง 2550 จนกระทั่งรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ไม่เป็นอันทำงานทำการ
คราวนี้เขาจะต้องสุขุมรอบคอบยิ่งขึ้น มีจังหวะก้าวที่จะต้องไม่ให้พลาด
และนี่คือวิกฤตของประเทศไทยรอบใหม่ หลังจากที่มีท่าทีว่าจะสงบมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
คราวนี้พรรคเพื่อไทยที่สืบทอดมาจากพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทยซึ่งมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของ เป็นผู้บงการทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภาระหน้าที่ที่จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ที่ทักษิณ รู้สึกเจ็บปวดเป็นนักเป็นหนาทิ้งไปให้ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดจากคณะรัฐประหารที่ล้มอำนาจทักษิณ และรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติมาตราสุดท้ายคือ มาตรา 309 ที่เขียนเอาไว้ว่า
บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้
การตรวจสอบทรัพย์สินด้วย คตส.ก็ดี ผลการตรวจสอบของ คตส.ก็ดี คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันเนื่องมาจากการตรวจสอบของ คตส.แล้วอัยการเห็นชอบให้ฟ้องก็ดี ล้วนสร้างความเจ็บช้ำให้แก่ทักษิณ ทำให้ทักษิณต้องระเหระหนหนีคุกอยู่ต่างประเทศ ทั้งที่เขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลชี้นิ้วให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เป็นข้าราชการประจำไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้เกือบทั้งนั้นในเวลานี้
และนี่คือเหตุผลที่จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้งและร่างขึ้นใหม่
ที่พูดกันว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ หากแต่เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทิ้งแล้วร่างขึ้นใหม่ ถ้าหากเพียงแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 2-3 มาตราหรือมากกว่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมี ส.ส.ร.ซึ่งจะต้องเลือกมาใหม่มาจากทุกจังหวัดส่วนหนึ่งมาจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้จากสาขาต่างๆ ประมาณ 99 คนหรือมากกว่าให้มาทำหน้าที่ ลำพังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยก็แก้ไขได้ หรือร่างขึ้นมาใหม่ได้ แต่เพื่อให้ดูเนียน ดูเป็นประชาธิปไตย จึงต้องมีสมาชิกสภาร่างฯ ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่
โดยที่หน้าตาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญร่างขึ้นมา รูปการณ์ทำให้ประชาชนทั้งหลายเข้าใจเช่นนี้ แต่การที่พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายกุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในขณะนี้ กุมอำนาจรัฐอยู่ในขณะนี้ และกุมความเหนือกว่าฝ่ายค้านคือ พรรคประชาธิปัตย์ในการเอาชนะการเลือกตั้ง ขณะนี้จึงมั่นใจได้ว่า รัฐบาลหรือทักษิณ ชินวัตร จะกุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะบอกได้ใช้ฟัง ไม่ต่างไปจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย และคณะรัฐมนตรีขณะนี้
จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกำหนดเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญที่จะร่างขึ้นมาใหม่ ไม่ต่างไปจากเขียนใส่มือให้กับพวกเขายังไงยังงั้น
มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่ลงโทษให้ยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ลงโทษกรรมการพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยให้เพิกถอนสิทธิหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี ก็อาจจะหายไปในรัฐธรรมนูญฉบับที่จะร่างขึ้นมาใหม่
มาตรา 102 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (7) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ จะต้องถูกยกออกไปเพื่อเปิดทางให้ใครบางคนที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทมาแล้ว ได้กลับมาเล่นการเมืองอีก ไม่ต้องใช้น้องเขย น้องสาวให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนตัว
และถ้าหากสามารถเขียนเอาไว้ว่า การณ์ใดก็ตามที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ถือว่าการณ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างทุกประการกลับไปสู่วันที่ 18กันยายน 2549 ได้พวกเขาก็จะพยายาม
ยังมีองค์กรอิสระต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาว่า จะเขียนไว้อย่างไรให้สามารถเข้าไปแทรกแซงได้เหมือนดังที่เคยแทรกแซงมาแล้วไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ฯลฯ ต้องมาพิจารณาใหม่ว่าจะเอาองค์กรไหนไว้ จะโละองค์กรไหนทิ้งและจะแทรกแซงได้ด้วยวิธีใด
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนับจากบัดนี้เป็นต้นไป เพราะนี่คือเจตนารมณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร นับตั้งแต่เขาถูกคณะรัฐประหารเตะกระเด็นไปจากอำนาจเมื่อวันที่ 19กันยายน 2549 แม้ทุกวันนี้เขาจะทรงอิทธิพลสามารถชี้นิ้วบงการความเป็นไปต่างๆ ในประเทศไทยได้ แต่เขาก็ยังมีชนักติดหลัง มีคำพิพากษาของศาลให้จำคุก มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์เขาไปส่วนหนึ่ง และมีคดีความต่างๆ ยังอยู่ในศาลอีกหลายคดี
เขาอยากกลับเข้าประเทศอย่างผู้บริสุทธิ์ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากกลับมามีอำนาจอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องคอยบงการคนอื่นให้ทำแทน
เขาเคยมีบทเรียนมาแล้วเมื่อคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังการเลือกตั้ง 2550 จนกระทั่งรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ไม่เป็นอันทำงานทำการ
คราวนี้เขาจะต้องสุขุมรอบคอบยิ่งขึ้น มีจังหวะก้าวที่จะต้องไม่ให้พลาด
และนี่คือวิกฤตของประเทศไทยรอบใหม่ หลังจากที่มีท่าทีว่าจะสงบมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
