ผ่าประเด็นร้อน
ต้องระบุอย่างนี้จริงๆ เพราะถือว่าไม่ได้ผิดเพี้ยนให้เข้าใจผิดอย่างเด็ดขาด สำหรับวิธีการเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ ซึ่งความหมายแท้จริงก็คือ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ให้กับนักการเมืองชั่วได้พ้นผิดเท่านั้น
ขณะเดียวกัน การเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.พรรคมาตุภูมิ ที่มี ส.ส.ในสภาเพียงแค่ 2 เสียง ก็ประหลาดพิกลอยู่แล้ว แต่นี่ยังเป็นคนเดียวกับที่เคยเป็นหัวหน้าก่อการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จนเป็นเหตุให้ ทักษิณ ต้องระหกระเหินออกนอกประเทศ ไม่ต่างจากพวกสัมภเวสีมาตั้งแต่บัดนั้น
กลายเป็นว่าเวลานี้ พล.อ.สนธิ ดวงตาเห็นธรรม เพิ่งรู้ว่าการรัฐประหารทำให้บ้านเมืองเสียหาย แตกแยก จึงต้องปรองดอง และที่น่าพิลึกพิลั่นก็คือ เป็นคนเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ลบล้างความผิดที่เกี่ยวข้องทางการเมือง นับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนจนถึงปัจจุบัน ความหมายก็คือให้ลบล้างความผิดทั้งหมด ทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความผิดที่เกิดจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองทุกคดี เช่น คดีเผาศาลากลาง คดียิงอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว คดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนเสื้อแดง หรือแม้แต่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 112 ก็ถูกตีความว่าเข้าข่ายไม่ต้องรับความผิดด้วย
อานิสงส์ดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงพวกคดีนักการเมืองบ้านเลขที่ 109 ที่เพิ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และพวก 111 อย่างไรก็ดีพวกหลังกำลังจะพ้นโทษอยู่แล้วในวันนี้ (30 พฤษภาคม) จึงไม่ต้องดิ้นรน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นสาระสำคัญที่สำคัญ และเป็นที่มาของการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็คือ ต้องการลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ในทุกคดีทั้งที่ศาลพิพากษาตัดสินไปแล้ว และที่ยังค้างคาอยู่ในศาลในคดีทุจริตประพฤติมิชอบมากมาย เพราะในร่างกฎหมายที่กำลังเสนอเข้ามานั้น เป็นการลบล้างผลของคำสั่งองค์กรที่แต่งตั้งโดยคณะมั่นตรีความมั่นคงแห่งชาติ นั่นก็หมายความว่า ผลของคดีที่มาจากการดำเนินการของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นต้น
ที่สำคัญต้องการให้ครอบคลุมไปถึงคดีซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกโดยมิชอบที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปี และคดีที่ศาลตัดสินยึดทรัพย์ในคดีซุกหุ้นภาค 2 อีก 46,000 ล้านบาท ก็จะลบล้างความผิดมิหนำซ้ำเมื่อไม่ผิดก็ต้องได้เงินคืนกลับมาอีกด้วย และหลังจากนี้ไปทักษิณ ก็จะไม่มีมลทินติดตัว สามารถกลับเข้ามาสู่วงการเมือง กลับเข้ามาสู่อำนาจอย่างเท่ ตามที่ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านั่นแหละ
นาทีนี้ไม่ต้องมาชี้แจงอธิบายให้เสียเวลาว่าเนื้อหาสาระในร่างกฎหมายเป็นอย่างไร เพราะคงมีแต่คนโง่ หรือปัญญาอ่อนเท่านั้นที่ไม่เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการเสนอเข้าสภา อีกทั้งข้ออ้างที่ว่าต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ นั่นก็เป็นแค่อำพราง เพราะเสียงส่วนใหญ่พาเข้ารกเข้าพงก็มี แต่ที่ยอมรับกันไม่ได้ก็คือการใช้เสียงข้างมากในสภามาลบล้างความผิด ล้างคำพิพากษาของศาล ทำผิดให้เป็นถูก
ความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นของทักษิณ มันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าต่อไปหากมีเศรษฐีรายใดกระทำผิด มีคำพิพากษาของศาลออกมาแล้ว ก็สามารถไปซื้อเสียง ส.ส.ในสภามาออกกฎหมาย ออกพระราชบัญญัติมาลบล้างความผิดของตัวเองได้ตามใจชอบ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นการย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ทำลายระบบศาลจนป่นปี้ โดยใช้น้ำลายสกปรกอ้างเพียงว่า “ปรองดอง”
ดังนั้น เชื่อว่าคนไทยที่รักความเป็นธรรม ยึดมั่นในความถูกต้อง ยอมไม่ได้ที่เห็นบ้านเมืองต้องลุกเป็นไฟจากความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองชั่วๆ คิดเอาแต่ได้ โดยไม่สนใจความรู้สึกของสังคม คิดอ้างแต่เพียงว่านี่คือประชาธิปไตย ความถูกผิดที่ต้องตัดสินกันด้วยการเลือกตั้งเท่านั้น!!