“วิสุทธิ์” นั่งประธานแทน “สมศักดิ์” กล่อมฝ่ายค้านเข้าสู่การประชุม ส.ส.ประชาธิปัตย์ยังไม่ยอม จี้ปิดประชุมด่วน เถียงกันนับชั่วโมง สุดท้ายสั่งเลื่อนวาระไปพรุ่งนี้ 9 โมง พร้อมปิดประชุม ด้าน “รังสิมา” อ้างยื้อเก้าอี้ ปธ.สภาลงจากบัลลังก์ เหตุ “ค้อนปลอม” ไม่เป็นกลาง ปัดตบตี ส.ส.หญิงเพื่อไทย แต่ถูกล้อมกรอบ ปชป.ยกทีมเตรียมยื่นถอดถอน “ขุนค้อน” พรุ่งนี้ ทำผิด รธน.
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่รัฐสภา หลังพักประชุมไป 30 นาที การประชุมได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นทำหน้าที่ประธานแทน นายสมศักดิ์ โดยได้พยายามไกล่เกลี่ยให้การประชุมเข้าสู่บรรยากาศปกติ ไม่ควรให้ภาพออกไปสร้างความเสียหายต่อสายตาประชาชน แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงประท้วงด้วยการตะโกนให้ปิดประชุมอยู่เป็นระยะ ทำให้ นายวิสุทธิ์ ขอร้องให้ใจเย็น เพราะตนไม่ไช่คู่กรณี และขอหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อหาทางออก
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า โอกาสที่สมาชิกจะหารือต่อคงลำบาก และพรุ่งนี้ยังมีเวลาหารือกันได้ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ทางออกที่ดี คือ กลับไปวินิจฉัยให้ถูกต้อง ถ้าดึงดันหารือต่อ จะเกิดความตึงเครียด และเกิดความวุ่นวายได้อีก จึงเสนอขอให้ปิดประชุม แต่นายวิสุทธิ์พยายามขอให้วิปสองฝ่ายคุยกันก่อน อย่าใจร้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่โทษใคร ขอให้ใจเย็นๆ
ด้าน นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย พยายามชี้แจงว่า เหตุที่เสนอร่าง พ.ร.บ.เข้ามาเจตนาเพียงเพื่อให้เกิดความปรองดองให้อภัยกันและกัน และยกโทษให้เฉพาะความผิดอาญาที่ดำเนินไปแล้ว ส่วนข้อสงสัยในมาตรา 5 กรณีองค์กรต่างๆ ที่เกิดจาก คปค. ต้องยอมรับว่า มีการไปโยงมาตรา 4 ซึ่งแปลว่า ที่ตัดสินให้พ้นความผิดอาญา ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเงิน ประธานวินิจฉัยถูกต้องแล้ว แต่ถ้าสมาชิกข้องใจก็ดำเนินการไปได้ เช่น เรียกประชุมประธานกรรมาธิการทั้ง 35 คณะ ทำการวินิจฉัยเพื่อความสบายใจ แต่ยืนยันว่า เป็นแค่นิรโทษกรรมลบโทษทางอาญา เพื่อให้เกิดความปรองดองเท่านั้น
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ไม่ได้สอบถามร่างของนายสามารถ แต่ต้องการถามร่างของ พล.อ.สนธิ ซึ่งตนไม่ทราบว่า ทำไมไม่กล้าสอบถาม พล.อ.สนธิ ที่เป็นหัวหอกสำคัญของเรื่องนี้ จนนาทีสุดท้ายก็ยังไม่กล้าถาม เราต้องการให้ชี้แจงว่า ผลที่สุดจะเป็นการคืนเงิน คืนทรัพยสินจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้คนใดคนหนึ่งหรือไม่ ซึ่งเป็นที่มาของวิกฤตที่เกิดขึ้นในสภา จึงยืนยันเสนอให้ปิดการประชุม เพื่อทำให้ถูกต้อง
ฝ่าย นายธนา ชีรวนิช ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิ พล.อ.สนธิอย่างรุนแรง ว่า “คนอะไรทำผิดได้ถึงสองครั้ง ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้ววันนี้ตัวอยู่ที่ไหน นายสนธิ บุญยรัตกลิน ต้องมาชี้แจงต่อสภาว่าคิดอย่างไร สิ่งที่เสนอมามันขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน เราปรองดองกับคนทุจริตคอร์รัปชันทำไม่ได้ ปิดประชุมเถอะครับ”
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า มาตรา 5 นิรโทษกรรมผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของ คตส.ด้วย ที่ผ่านมา เรามีนิรโทษกรรม 22 ฉบับ ไม่เคยคืนสิทธิเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้นจากการนิรโทษกรรม และยังมีการเขียนกำกับไว้ชัดเจนว่า ไม่มีผลต่อการคืนค่าปรับทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น แต่ร่างของนายสามารถ ไม่มีเขียนไว้เลย จึงขอให้พูดความจริงให้หมด และทุกมาตราตรงกับเนื้อหาของ พล.อ.สนธิ เชื่อว่า ลอกมาโดยไม่ใช้สมองของตัวเอง
นายสามารถชี้แจงว่า ตนพอมีสมองของตนเอง แต่เห็นว่า พล.อ.สนธิกับตนความคิดไปด้วยกันได้ และเพื่อทำให้สังคมเห็นว่าการปรองดองเป็นเรื่องสำคัญ พรรคใหญ่ควรเสนอด้วย แม้เราจะให้โอกาสบุคคลที่ได้รับผลกระทบได้พ้นผิดจากองค์กรที่เกิดขึ้นโดย คปค.แต่ก็ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม แปลว่า อาจมีการหยิบยกมาดำเนินการตามหลักนิติธรรมตามปกติ ไม่ใช้องค์กรเถื่อนที่ตั้งขึ้นมาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ไม่ได้เขียนไว้ไม่ชัดเจน เพราะคิดว่า ในชั้นกรรมาธิการสมาชิกสามารถเสนอแปรญัตติเพิ่มเติมเข้ามาในส่วนที่ขาดตกบกพร่องได้
อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายค้านจะพยายามเสนอให้ปิดการประชุมไป แต่นายวิสุทธิ์ได้พยายามไกล่เกลี่ย และขอให้วิปทั้งสองฝ่ายได้ไปหารือกัน เพื่อหาทางออกไม่มีใครเสียหน้า แต่ นายจุรินทร์ ไม่ยอมไปร่วมหารือด้วย โดยมีข้อแม้ว่าประธานจะต้องปิดประชุมก่อน ตนจึงจะไปหารือด้วย ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย แสดงความเป็นห่วงว่าญัตติที่เสนอให้เลื่อนวาระการพิจารณาจะตกไป หากมีการปิดประชุมตามข้อเสนอของฝ่ายค้าน
หลังจากที่ประชุมถกเถียงกันอยู่ร่วมชั่วโมง นายวิสุทธิ์ได้ขอให้ประธานวิปทั้งสองฝ่ายไปหารือกันที่ห้องของ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาคนที่ 1 จากนั้นขอเลื่อนการประชุมไปเป็นพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.ก่อนที่จะสั่งปิดการประชุมในเวลา 19.40 น.
ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชี้แจงกรณีที่มีเหตุการณ์การแย่งเก้าอี้ประธานสภาคืน ภายหลังจากที่ตนเห็นว่า ประธานสภาทำหน้าที่ไม่เหมาะสมก็ไม่ควรทำหน้าที่ประธาน ซึ่งในระหว่างที่ตนกำลังลังลากเก้าอี้ประธาน และรองประธานลงจากบัลลังก์ก็ได้มี ส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทย อาทิ นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ส.ส.กทม.และ นางชมพู จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ก็ได้กรูกันขึ้นมาหลังบัลลังก์แย่งชิงเก้าอี้คืน แต่ไม่มีการกระทบกระทั่งกันไม่มีการใช้ความรุนแรง ซึ่งตนทำตามหน้าที่เมื่อประชาชนไม่เห็นด้วยและ ส.ส.ปชป.ไม่เห็นด้วย แต่ประธานสภาก็ยังวินิจฉัยเหมือนเดิมการปรองดองก็จะไม่เกิดขึ้น ยิ่งจะทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตมากขึ้น
“ดิฉันคิดว่าถ้ายังมีการฝืนที่ยังจะเอา พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภา ม็อบหน้าสภาจะบุกเข้ามาดิฉันทำเพื่อพี่น้องประชาชน ที่จริงน่าจะทำมากกว่านี้ ดิฉันทำเป็นในเชิงสัญญาลักษณ์ว่าประธานไม่ควรทำหน้าที่นี้และประธานควรใช้สมองคิดเองได้ว่าการกระทำแบบนี้ควรที่จะปรับปรุงและแก้ไข” น.ส.รังสิมากล่าว
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานสภา ว่า วันนี้เดินหน้าต่อไปไม่ได้เพราะปัญหาใหญ่ ไม่มีการรับฟังเหตุผล และมีการตั้งธงไว้แล้วว่าจะต้องเลื่อน พ.ร.บ.ปรองดอง ขึ้นมาพิจารณาให้ได้ ทางฝ่ายค้านพยายามชี้แจงว่า การบรรจุ พ.ร.บ.ปรองดอง ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่ทางประธานสภาก็ไม่สามารถชี้แจงได้และมีกฎหมายเรื่องการเงิน ก็ไม่สามารถชี้แจงด้วยว่าต้องคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่
ส่วนทางด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ก็ไม่ได้เดินทางมาประชุมพอถึงเวลาที่จะต้องชี้แจงก็พยายามรวบรัดลงมติก็ห้าม ส.ส.ไม่ให้ที่กดดันการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ ว่า ทำหน้าที่นี้ต่อไปไม่ได้อีก ทั้งนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนประธานสภา ในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) เพราะทำผิดรัฐธรรมนูญชัดเจน และทำหน้าที่ประธานสภาต่อไปไม่ได้อีกและควรปิดประชุมสภา
“ตั้งแต่ผมอยู่ในรัฐสภามา 17 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีประธานคนใดทำหน้าที่ได้สร้างความเสียหายหรือไม่เป็นกลาง และตีความทุกอย่างตามไปคำสั่งมาโดยตลอดและเป็นสิทธิของ ส.ส.ฝ่ายค้านที่จะทำตามกรอบของกฎหมาย และไม่มีการละเมิดกฎหมายแต่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์” นายสาทิตย์กล่าว
