รายงานการเมือง
การผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎรออก “กฎหมายนิรโทษกรรม หรือกฎหมายปรองดอง” ในวาระแรกภายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ แน่ชัดแล้วว่าตอนนี้มีผู้ก่อการทั้งสิ้น 3 กลุ่ม และอาจจะบวกอีก 1 ร่างจาก ส.ส.เพื่อไทย
จากเดิมที่มีผู้เปิดตัวเป็นกลุ่มแรก คือพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และ ส.ส.34 คน ส่วนใหญ่เป็นลูกพรรคชาติไทยพัฒนา ของบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งจะได้ประโยชน์เต็มๆ คือพ้นโทษแบนดคียุบพรรคชาติไทยเร็วขึ้น เพราะในร่างกฎหมายปรองดองของ พล.อ.สนธิ ได้ระบุว่า ให้ผลการตัดสินคดียุบพรรคทั้งหมดของศาลรัฐธรรมนูญถูกล้มเลิกไป และให้มีการคืนสิทธิการเมืองอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบด้วย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ประกาศตัวออกมาอีก 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือพวก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองในนาม ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีการยื่นต่อสภาฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็คือ วัฒนา เมืองสุข ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเพื่อไทย และอดีตรองประธาน กมธ.วิสามัญฯปรองดอง สภาผู้แทนราษฎร
กลุ่มที่ 3 คือพวก ส.ส.เสื้อแดง ในพรรคเพื่อไทย นำโดยณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่จะรวบรวม ส.ส.ลงชื่อเสนอร่างกฎหมายปรองดอง ทั้งนี้ คนเดินเกมส่วนใหญ่คือพวก ส.ส.เครือข่ายเสื้อแดงในเพื่อไทยที่มีมากกว่า 20 คนอยู่แล้ว
โดยมีการเปิดเผยจาก จตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย ว่าเนื้อหาร่างกฎหมายปรองดองของเสื้อแดง จะมีเนื้อหาหลักเหมือนกับร่างของ พล.อ.สนธิและของเพื่อไทย ต่างกันตรงที่การนิรโทษกรรมจะให้งดเว้นคดีก่อการร้ายและคดีที่กระทำอันตรายต่อชีวิตประชาชน
คือยังคงให้การสอบสวนดำเนินคดีสลายการชุมนุมยังดำเนินคดีได้ต่อไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน คดีที่พวกแกนนำ นปช.ถูกดำนเนินคดีก่อการร้าย ก็จะให้สอบสวนต่อไป ไม่ต้องอภัยโทษ จะได้ไม่ถูกหาว่าออกกฎหมายเพื่อช่วยตัวเองให้พ้นผิด
“จตุพร” อ้างว่าหากไม่ทำเช่นนี้ ส.ส.เสื้อแดงจะหาที่ยืนในประเทศนี้ไม่ได้ เพราะไม่สามารถกล้าสู้หน้าญาติเสื้อแดง-คนเสื้อแดงที่บาดเจ็บ ล้มตายได้ หากให้คดีทั้งหมดถูกยกเลิกไป
ย่อมรู้กันดีว่าเหตุที่ ส.ส.เสื้อแดงเพื่อไทยต้องทำเช่นนี้ เพราะเวลานี้มีความเคลื่อนไหวคนเสื้อแดงโดยเฉพาะญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เริ่มไม่พอใจหากเพื่อไทยจะออกกฎหมายปรองดองที่จะล้มล้างคดีความทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมือง
หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้สิ่งที่เสื้อแดงโดยเฉพาะแกนนำแดงทั้งหลายโดยเฉพาะที่เป็น ส.ส.เพื่อไทย ที่หากินกับมวลชนมาตลอด โดยพยายามปลุกเร้าว่าต้องเอาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาดำเนินคดีให้ได้ จะถูกประณามจากคนเสื้อแดงแน่นอน
ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้วก็มีคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยก็ลุ้นให้มีการออกกฎหมายฉบับนี้ออกมา เพราะตอนนี้มีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่มีโทษความผิดอยู่ในเรือนจำหรือติดคดีในชั้นตำรวจ-อัยการ จากผลพวงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงทั้งช่วงสงกรานต์เลือดปี 52 และเผาบ้านเผาเมืองปี 53
เช่นคดีเผาศาลากลางจังหวัดในภาคอีสาน 4 จังหวัด เช่น คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ซึ่งศาลอุดรธานี ได้มีคำตัดสินเมื่อ 28 ตุลาคม 2554 โดยตัดสินจำคุกเสื้อแดงอุดรธานี 9 คนและยกฟ้องไป 13 คนจากที่มีการเอาผิดรวมทั้งสิ้น 22 คน ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี อาคารเทศบาลนครอุดรธานี และศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยบางคนถูกศาลตัดสินลงโทษสถานหนักจำคุกเป็นเวลาหลายปี
และยังมีอีกหลายคดีที่มีเหตุเช่นนี้ พวกนี้ก็จะได้รับการนิรโทษกรรมไปด้วยจากผลพวงกฎหมายปรองดอง ตามร่างของพลเอกสนธิและคณะรวมถึงร่างของพรรคเพื่อไทยด้วย
จึงเท่ากับว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจะมีการนำเสนอเข้าสู่สภาฯ รวมกัน 3 ฉบับ และไม่รู้ว่าถึงวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ยังจะมีเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะการเขียนกฎหมายลักษณะเช่นนี้ ที่มีเนื้อหาไม่กี่มาตรา และเขียนกว้างๆ ส.ส.ในแต่ละพรรคก็สามารถใช้เวลาเขียนได้ไม่ยาก
ส่วนรายละเอียดเจาะลึกลงไปว่าจะให้ปรองดองแบบไหน นิรโทษฯ อย่างไร ก็ไปว่ากันในชั้น กมธ.วิสามัญฯ วาระ 2 หากว่าสุดท้ายสภาฯผ่านความเห็นชอบวาระแรกไปแล้ว โดยก็มีข่าวว่ามี ส.ส.บางกลุ่มก็เตรียมจะโหนกระแสเสนอร่างกฎหมายปรองดองเข้าสภาฯเช่นกัน
จึงอาจจะมีร่าง พ.ร.บ.ปรองดองนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ มากกว่า 3 ฉบับก็ได้
มีข่าวว่าล่าสุด นิยม วรปัญญา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.ลพบุรีหลายสมัย ก็ไปดอดยื่นร่างพรบ.ปรองดองประกบเป็นร่างที่ 4 แล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ต้องจับตาการประชุมวิปรัฐบาลในวันอังคารที่ 29 พ.ค.นี้ว่าวิปรัฐบาลจะว่าอย่างไร จะเห็นด้วยกับการเสนอให้ที่ประชุมสภาฯ นำวาระพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดองที่จ่ออยู่ในระเบียบวาระลำดับท้ายๆ โดยการลัดระเบียบวาระเรื่องอื่นๆ เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯในสัปดาห์นี้ เป็นวาระเร่งด่วนเลยหรือไม่
หากวิปรัฐบาลเห็นชอบ การเมืองในประเทศไทยสัปดาห์นี้ร้อนแน่นอน
นอกจากนี้ยังต้องติดตามแนวร่วมต่อต้านการออกกฎหมายปรองดองดังกล่าวนอกรัฐสภา จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยว่าจะเคลื่อนไหวคัดค้านเผด็จการรัฐสภาออกกฎหมายอัปรีย์ช่วยทักษิณฉบับนี้ออกมาอย่างไร ตอนนี้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศเตรียมพร้อมมุ่งหน้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้ากันแล้ว ในเช้าวันที่ 30 พ.ค.ตามนัดหมายคาดว่าจะมีมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก
หลังล่าสุด ที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทยเมื่อวันจันทร์ที่ 28 พ.ค. เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการผลักดันกฎหมายปรองดองเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯโดยอ้างว่าจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศไทย
โดยไม่ได้สนใจกับคำเตือนจากหลายฝ่ายที่ว่า เนื้อหาสาระในกฎหมายปรองดองทั้งหลาย มิได้นำมาซึ่งความปรองดอง แต่เป็นการออกกฎหมายเพื่อทำลายระบอบนิติรัฐนิติธรรมของบ้านเมือง
ซึ่งจะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งวุ่นวายรอบใหม่ที่น่าเป็นห่วง