ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านมีมติค้าน กม.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับที่ยื่นเข้าสู่การพิจารณาต่อสภา ล้วนเปิดช่องให้ “ทักษิณ” คืนอำนาจ-คืนเงินที่ถูกยึดทรัพย์ และหักล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แถมปลดล็อกให้ลงสมัคร ส.ส.ได้ พร้อมเคลื่อนไหวคัดค้านโดยใช้สิทธิตามกลไกรัฐสภา ไม่เกี่ยวมวลชนนอกสภา
วันนี้ (29 ต.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านมีความเห็นไม่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการสร้างความปรองดองทั้ง 4 ฉบับ เพราะเห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่คนเพียงคนเดียว แม้ว่าร่างกฎหมายจะเขียนลักษณะให้ประโยชน์กับกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มก็ตาม แทนที่กฎหมายปรองดองจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดอง กลับกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งและแตกแยกมากขึ้น
“พรรคเพื่อไทยมีการเสนอกฎหมายฉบับนี้รวบรัดแบบเงียบๆ เพราะก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้ขอมติจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.6 ฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ.... ขึ้นมาพิจารณาก่อน เป็นต้น ซึ่งฝ่ายค้านก็ให้ความร่วมมือเพราะคิดเป็นประโยชน์กับประเทศ จึงไม่เข้าใจทำไมพรรคเพื่อไทยต้องเร่งการพิจารณากฎหมายปรองดอง” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นคำตอบชัดเจนแล้วหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าจะกลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ เนื่องจากหากรัฐสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจะเท่ากับว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“รัฐธรรมนูญมาตรา 102 (4) และ (7) กำหนดว่าห้ามไม่ให้ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินเป็นของแผ่นดินและจำคุกลงสมัครรับเลือกตั้งสส. ดังนั้น ถ้ากฎหมายปรองดองมีผลบังคับใช้ จะเป็นคืนสิทธิให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้และยังคืนเงินคืนที่ถูกยึดทรัพย์เป็นของแถมให้ด้วย ซึ่งเป็นคำตอบออกมาแแล้วว่าการกลับบ้านเท่ห์ๆคืออะไร” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านต่อการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.จะใช้สิทธิตามกลไกของรัฐสภาอย่างเต็มที่ ส่วนการเคลื่อนไหวของมวลชนนอกสภานั้น ฝ่ายค้านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ถือเป็นสิทธิทางการเมืองที่จะกระทำได้