ผู้นำฝ่ายค้าน เรียกถกทีมเศรษฐกิจ เตรียมชำแหละ งบรายจ่ายปี 56 อัดไร้ยุทธศาสตร์ ซุกหนี้ แฉ ขาดดุลแตะล้านล้านบาท สวนทางตัวเลข 3 แสนล้าน จับตางบกลาง-แท็บเล็ต ส่อทุจริต สับรัฐ เมินสวัสดิการประชาชน ทุ่มเทประชานิยมเพื่อการเมือง ใช้งบรัฐล่อใจ เปิดหมู่บ้านแดง สร้างความแตกแยก
วันนี้ (20 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกทีมเศรษฐกิจของพรรค หารือเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556
ที่จะมีการพิจารณาในสภาวันที่ 21-23 พ.ค.นี้ โดยระบุว่า มีหลายแง่มุมที่ต้องเสนอต่อรัฐบาลและประชาชน แม้ว่ารัฐบาลจะมีการลดการขาดดุลงบประมาณลงมาเหลือสามแสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเหมาะสมในทางมหภาค แต่ทิศทางยุทธศาสตร์ของงบประมาณ โดยเฉพาะการคำนึงถึงปัญหาระยะยาวของประเทศมีน้อยมาก อีกทั้งยังมีหลายโครงการที่มีปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง การทุจริตคอร์รัปชัน และสิ่งที่ตนให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือการที่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ระยะยาวในแง่การสร้างความเป็นธรรมในสังคมเกี่ยวกับการสร้างระบบสวัสดิการที่ถูกละเลยค่อนข้างมาก แต่รัฐบาลทุ่มเทไปที่ประชานิยมผสมกับการส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก เช่น การเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง กองทุนต่างๆ ที่มีลักษณะของการเอาเงื่อนไขทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลจะระบุการขาดดุลงบประมาณไว้ที่สามแสนล้านบาท แต่มีการก่อหนี้มากกว่าที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ เช่น
พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เงินกู้ 3 หมื่นล้านบาทชดเชยกองทุนน้ำมัน และยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องภาษีจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต
โดยเฉพาะโครงการจำนำซึ่งเป็นภาระของสถาบันการเงินของรัฐที่จะต้องจัดงบประมาณชดเชย ซึ่งหากรวมการก่อหนี้ของรัฐบาลและความเสียหายจากนโยบายประชานิยมทั้งหมดอาจทำให้ตัวเลขการขาดดุลที่แท้จริงอยู่ที่เกือบ 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่ 3 แสนล้านบาทตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทั้งนี้ การจัดงบประมาณของรัฐบาลทำให้หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นเกิน 40% และมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยที่รัฐบาลขาดความชัดเจนในเรื่องการสร้างความยั่งยืนเกี่ยวกับนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งจะต้องดูว่าการเพิ่มการขาดดุลของรัฐบาลจะมีอีกหรือไม่ และมีความจำเป็นจะต้องทำเช่นนั้นหรือไม่ เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนมากจากปัญหาในยุโรป
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงงบกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีว่า มีความใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องทวงถามคือการขอความเห็นชอบงบประมาณปีที่แล้ว รัฐบาลเคยให้คำมั่นสัญญาว่ากรณีงบกลาง งบน้ำท่วม จะมีการเปิดเผยรายละเอียดให้ตรวจสอบแต่ไม่ได้ทำเกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน จึงต้องถามว่าจะมีอะไรเป็นหลักประกัน เพราะปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีบอกพร้อมให้ตรวจสอบได้ แต่เอาเข้าจริงก็ตรวจสอบไม่ได้ อีกทั้งในส่วนของงบกลางจะทำให้เกิดการรั่วไหลได้เนื่องจากเปลี่ยนแปลงโครงการได้ง่ายและพรรคจับตาในบางโครงการที่อาจมีปัญหาทุจริต เช่นการจัดซื้อแท็บเล็ตด้วยวิธีไม่ปกติ และเงินกองทุนต่างๆ ที่มีเสียงครหามาตั้งแต่ต้นว่ามีเงื่อนไขเรื่องการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งเรื่องหมู่บ้านเสื้อแดงที่จะได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาลด้วย