แก้ปัญหา"คน-ช้าง-ป่า" ส่อเค้าวุ่น จนท.สองฝ่ายเห็นต่าง

มทภ.1 ลงพื้นที่”แก่งกระจาน” แก้ปัญหาบุกรุกป่า-สร้างแหล่งอาหารให้ช้าง เผย”ราชินี”ทรงห่วงใยปัญหาคนกับช้าง ด้าน”หน.อุทยาน”ซัดคกก.สิทธิ์ชุ่ย-ห่วยแตกสั่งล้มโครงการพระราชดำริ ขู่ฟ้องหมิ่นสถาบัน หนุนพวกบุกรุกป่า ด้านมทภ.1ยินดีเป็นตัวกลางแก้ปม”อุทยาน-คกก.สิทธิ์”ขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.แก่งกระจาน จ. เพชรบุรี พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานการสร้างแหล่งอาหารช้างของกองกำลังสุรสีห์ บริเวณอ่างเก็บน้ำกะหร่าง บ.ป่าแดง ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พร้อมทั้งตรวจพื้นที่ในการจัดตั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และรับฟังการบรรยายสรุป โดยพ.อ.อดิศร โครพ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 (ผบ.ร.19) ในฐานะผบ.ฉก.ทัพพระยาเสือ ได้สรุปเหตุการณ์ในพื้นที่ว่า ได้มีการดูแลสัตว์ป่าตามแนวทางพระราชดำริ รวมถึงการแก้ปัญหาคนกับช้างได้ดำเนินการกันมาตามลำดับ สำหรับพื้นที่ตามแนวชายแดนได้มีการจัดกำลังลาดตระเวนกับตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) นำกำลังพลจากพล.ร.9 จำนวน 3 กองร้อยมาฝึกในพื้นที่และจัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตวิทยามวลชนทำความเข้าใจกับประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย รวมถึงการทำลายช้าง สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวจะทำเป็น แก่งกระจานโมเดล ตามแนวพระราชดำริของในหลวง

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ทำหนังสือถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อให้ทบทวนยกเลิกโครงการต่างๆ คือ โครงการที่มีผลกระทบกับพรรณไม้ การเสนอเป็นมรดกโลก รวมถึงให้ยกเลิกการสร้างแหล่งอาหารช้าง ซึ่งตนมองว่าไม่ถูกต้อง จึงไปแจ้งความข้อหา สนับสนุนให้มีการบุกรุกป่าไม้ ขัดขวางการปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่และหมิ่นเบื้องสูง

แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิ์ เป็นใคร ใช้อำนาจอะไรมาสั่งห้ามข้าราชการประจำทำโน้นทำนี่ โดยเฉพาะการสร้างแหล่งอาหารให้ช้าง ซึ่งก็รู้ว่าเป็นพระราชดำริ ประชาชนควรจะนำมาใส่เกล้าใส่กระหม่อม โดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธฯด้วยแล้ว ต้องใส่เป็นร้อยเป็นพันเท่า แต่กลับบอกให้ยกเลิก ทั้งนี้ไม่อยากใช้คำว่าห่วยแตก แต่ต้องถือเป็นความชุ่ยของคณะกรรมการสิทธิ์ ก่อนหน้าเคยเชิญ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะกรรมการสิทธฯ ลงพื้นที่จริงเพื่อให้รับทราบถึงการแก้ปัญหาว่าไม่ได้ไปละเมิดสิทธิของประชาชน แต่ในพื้นที่มีปัญหา ทั้งเรื่องชนกลุ่มน้อย การปลูกกัญชา การสร้างแหล่งอาหารให้ช้าง แต่ก็ได้รับการปฎิเสธโดยให้เหตุผลไม่มีเวลา อย่างไรก็ตามการดำเนินการของคณะกรรมการสิทธิ์ ยังส่งเสริมให้ประชาชนบุกรุกทำลายป่า เพราะคิดว่าทำแล้วไม่เป็นไร มีคณะกรรมการสิทธิ์อยู่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

คณะกรรมการสิทธิ์อาจมองเห็นความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับสัตว์ป่า ป่าไม้เป็นเรื่องรอง ในส่วนของเจ้าหน้าที่เห็นว่า จะต้องอนุรักษ์ป่าไม้ สัตว์ควบคู่กับการดูแลประชาชน โดยเราได้มีการบูรณาการทั้งหาร อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำหนดพื้นที่ปลูกสร้างแหล่งอาหารช้าง 2,200 ไร่ ขณะนี้ดำเนินการเตรียมพื้นที่ 100 ไร่ ปลูกหญ้ารูซี่ได้ 30 ไร่ รอบๆจะปลูกพืชอื่น เช่น กล้วย อ้อย ไผ่ ถือว่าผลการดำเนินการน่าสนใจ นอกจากนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ยังมีความเป็นห่วงใยประชาชนเผ่ากะหร่าง ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆรวมถึงการลักลอบเข้ามาสมทบ จะต้องดูความถูกต้องของการอยู่อาศัยรวมถึงควบคุมคนในพื้นที่ ทั้งการดูแลไม่ให้มีการทำลายทรัพยากรป่าไม้ เพื่อยกระดับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานให้เป็นโครงการพระราชดำริ เหมือนกับที่กรุยบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์

"เป็นพระราชเสาวนีย์มาทางผู้แทนสำนักพระราชวัง มาถึงกองทัพภาคที่1ว่า เป็นความห่วงใยจากเบื้องสูง อยากให้สัตว์มีที่อยู่และป่าเป็นป่า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยรับสั่ง สัตว์ต้องมีที่อยู่และทำอย่างไรไม่ให้คนกับสัตว์กระทบกัน ท่านทรงห่วงใย จึงได้มีการพิจารณาร่วมกันคือ ที่ปรึกษาโครงการพระราชดำริ อธิบดีสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อุทธยานแห่งชาติแก่งกระจานและทหาร และเห็นเป็นแนวทางที่ตรงกัน ขณะนี้ได้ทำเรื่องเสนอไปยังกองทัพบก และจะส่งต่อไปยัง กพร.พิจารณาต่อไป"แม่ทัพภาคที่ 1กล่าว

พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคงจะสวนทางกับความต้องการของคณะกรรมการสิทธิ์ สำหรับความขัดแย้งระหว่าง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น คงต้องทำความเข้าใจให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นตรงกัน เรื่องดังกล่าวเราไม่ต้องการให้เป็นความขัดแย้ง ซึ่งหวังว่าทางคณะกรรมการสิทธิฯจะเข้าใจว่า เราเป็นข้าราชการต้องน้อมนำกระแสพระราชดำริมาใช้ ทั้งนี้ถ้ามีโอกาสทหารก็พร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการพูดคุย ไกล่เกลี่ย และจะเชิญคณะกรรมการสิทธิมาดูงาน