xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.เทียบสินค้าปี 55 แพงกว่าปี 54 ชัด จี้ทบทวนพลังงาน ไล่ “โกร่ง” เรียน ศศ.ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สรรเสริญ” เทียบราคาสินค้าตลาดยิ่งเจริญปีที่แล้วกับปี 55 พบราคาสูงขึ้น 20.5% ยันชาวบ้านไม่ได้คิดไปเองแน่ ชูส่วนต่างขายส่งขายปลีกต่าง 10% เชื่อบวกค่าขนส่งเพิ่ม ชี้ราคาสูงกว่าที่พาณิชย์แจ้งเป็นเท่าตัว แนะยอมรับความจริง อย่าโทษอย่างอื่น จี้ทบทวนนโยบายพลังงาน ไล่ “โกร่ง” ไปเรียนเศรษฐศาสตร์ใหม่ เดี๋ยวจะสอนให้เอง ย้ำไม่เห็นสัญญาณสินค้าลด

วันนี้ (6 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำราคาสินค้าในตลาดสดยิ่งเจริญ สี่มุมเมือง มาเปรียบเทียบระหว่างปี 2554 และ 2555 ในช่วงเดียวกัน เพื่อตรวจสอบ
ตัวเลขเงินเฟ้อและราคาสินค้าของรัฐบาลซึ่งพบว่าตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ที่มีการประกาศต่อสาธารณะ รวมถึงในรายการยิ่งลักษณ์พบประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง เช่นเดียวกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ขณะที่ นายโอฬาร ไชยประวัติ ระบุว่า รัฐบาลต้องหามาตรการควบคุมราคาสินค้า แสดงให้เห็นว่าข้อมูลของรัฐบาลยังไปคนละทิศละทาง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของพรรคพบว่าดัชนีราคาสินค้าในภาพรวมสูงกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยที่ตลาดยิ่งเจริญเพิ่มขึ้น 20.5% เป็น 2 เท่าจากที่รัฐบาลแถลงว่าเพิ่มเพียงแค่ร้อยละ10 เช่นเดียวกับที่ตลาดไท ซึ่งเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ10.2 ปัญหาของแพงจึงเป็นเรื่องจริงที่ตนและประชาชนไม่ได้คิดไปเองตามที่นายกฯ ระบุ

นายสรรเสริญกล่าวด้วยว่า ที่น่าสนใจคือ ส่วนต่างระหว่างราคาขายส่งและขายปลีกแตกต่างร้อยละ 10 แสดงว่ามีค่าขนส่งเพิ่มขึ้นมาเป็นต้นทุน ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้วงเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ก็เพราะพบว่าหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขเงินเฟ้อร้อยละ 2.47 แต่เมื่อมีการตรวจสอบราคากลับพบว่าราคาสูงกว่าที่กระทรวงพาณิชย์แจ้งเป็นเท่าตัวเช่น ถั่วฝักยาว พาณิชย์แจ้งว่า 30 บาท แต่ราคาในตลาด 60 บาท ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์แก้ตัวว่าเป็นการเฉลี่ยราคาทั้งเดือน ซึ่งตนอยากให้ยอมรับความจริงเพราะสุดท้ายฝืนข้อเท็จจริงไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ จึงท้วงว่าเงินเฟ้อต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงไม่เช่นนั้นกระทบความน่าเชื่อถือและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจด้วย

รมช.คลังเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องยอมรับความจริงเพื่อสู้กับปัญหากำหนดมาตรการลดค่าครองชีพขึ้นมา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเอาแต่โทษคนอื่น โดยตลอด 4 เดือนที่ราคาสินค้าแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากโทษน้ำท่วมทั้งที่เลยมา 5 เดือนแล้ว จากนั้นก็โทษภัยแล้ง มีแต่การปลอบประโลมประชาชนว่าจะดีขึ้น ส่วนมาตรการโชวห่วยช่วยชาติเปิดได้แค่ร้านเดียวที่สำนักงานของกระทรวงพาณิชย์ และมีคำถามว่าถ้าสินค้าไม่แพงรัฐบาลจะเปิดโชวห่วยช่วยชาติทำไม ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลพยายามสร้างกระแสสวนความรู้สึกประชาชนโดยบอกว่าของไม่แพง และเลือกเฉพาะสินค้าถูกลงมาพูด ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้

“พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายพลังงานที่เป็นต้นทุนสินค้าและค่าขนส่ง ราคาค้าส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ค้าปลีก เพิ่มร้อยละ 20.5 การชดเชยธุรกิจ ผู้ประกอบการเรื่องจ้างค่าแรง 300 บาท ต้องทำให้ตรงจุดแต่รัฐบาลกลับชดเชยน้อยมาก เช่น ค่าใช้จ่ายเพิ่ม 100 บาท แต่ชดเชยแค่ 10 กว่าบาทเท่านั้น และชดเชยแค่ 7 จังหวัด ไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องหันหน้าสู้กับปัญหา อย่าสร้างกระแสกลบเกลื่อนความเดือดร้อนของประชาชน และอย่าแต่งตัวเลขเศรษฐกิจเพราะจะเป็นอันตรายทำให้มาตรการที่ออกมาบิดเบี้ยวไป แทนที่จะแก้ปัญหาก็ไม่แก้ ตัวเลขเป็นเท็จจะดำเนินนโยบายผิดพลาด กระทบความเชื่อมั่นผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติ รวมถึงแบงก์ชาติที่ต้องใช้ตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ในการกำหนดนโยบายดอกเบี้ย ถ้าตัวเลขบิดเบือนก็เป็นหายนะของเศรษฐกิจเลย” นายสรรเสริญกล่าว

ส่วนกรณีที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธาน กยอ.บอก ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงหมายถึงราคาสินค้าลดลงด้วยนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า ถ้าพูดจริงต้องให้นายวีรพงษ์ ไปเรียนซ้ำชั้นเศรษฐศาสตร์ 101 ใหม่ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อบวกน้อย หรือมากก็เป็นบวก คือ ราคาสินค้าเพิ่ม ดังนั้น นายวีรพงษ์ควรไปเรียนวิชาเศรษศาสตร์ใหม่ตนจะสอนให้เอง ทั้งนี้ยังเห็นว่าการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าราคาสินค้าจะลดลงในครึ่งปีหลังนั้น ตนยังไม่เห็นสัญญาณว่าราคาสินค้าจะต่ำลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพราะราคาพลังงานมีแนวโน้มจะสูงอย่างต่อเนื่องจากนโยบายผิดพลาดของรัฐบาล สิ่งที่น่ากังวลคือสถานการณ์เศรษฐกิจอาจเกิดภาวะเงินเฟ้อ และเงินฝืด พร้อมกัน เพราะรายได้คนไทยไม่เพิ่มทุกคน แต่เงินเฟ้อได้รับผลกระทบทุกคน เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้จะทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำมีมากขึ้น

กำลังโหลดความคิดเห็น