"เอสเอ็มอีแบงก์" เชื่อ ศก.ปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน พร้อมคาด ธปท. คง ดบ.ต่ำ ถึงกลางปีหน้า จนกว่า ศก. จะฟื้นตัว เพื่อไม่ต้องการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ เนื่องจากต้องเจอปัญหา ทั้งน้ำมันแพง-ค่าแรงเพิ่ม และหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืด
นายโสฬส สาครวิศวะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจ มองว่าเศรษฐกิจปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยลบ คือ เศรษฐกิจของไทยยังพึ่งพาการส่งออก เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหาทำให้รายได้เข้าประเทศน้อยลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรปซึ่งกำลังมีปัญหา แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หลายฝ่ายมองว่าจะฟื้นตัว ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เพื่อไม่ต้องการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ เนื่องจากต้องเจอปัญหาน้ำมันแพง ค่าแรงเพิ่ม เพราะการคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำยังคงมีประโยชน์ต่อภาคเอกชนและผู้บริโภค และคาดคงดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปลายปี และต่อเนื่องไปจนถึงกลางปีหน้า ไม่เช่นนั้นอาจเจอกับปัญหาเงินฝืดได้ เพราะหากดอกเบี้ยไม่เพิ่มจะไม่เพิ่มแรงกดดันกับผู้ประกอบการมากเกินไป
สำหรับปัจจัยค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่จะปรับขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2555 นี้ จะได้รับผลกระทบแล้วแต่อุตสาหกรรม หากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใดใช้แรงงานมากย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้ภาคเอกชนต้องบวกราคาสินค้าตามต้นทุน และส่งผลไปยังผู้บริโภค กลุ่มที่กระทบหนักคือเสื้อผ้า สิ่งทอ จากการสอบถามผู้ประกอบการหลายราย มองว่าอาจต้องย้ายการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าแรงงานต่ำ โดยเฉเพาะเมื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การเคลื่อนย้ายแรงงาน วัตถุดิบ จะมีมากขึ้น
ส่วนแผนการปล่อยสินเชื่อในปี 2555 มองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มาแรงคือกลุ่มพลังงานทดแทน เพราะเอกชนมีศักยภาพมากขี้น โดยหันมาสนใจลงทุนในด้านดังกล่าวเพราะต้นทุนไม่สูงมากนัก ทั้งไบโอดีเซล และโซล่าเซลล์ เป็นการพัฒนาตามประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าฟาร์ม) เพิ่มสูงมาก ทำให้การผลิตพลังงานทดแทนมีโอกาสเติมโตสูงในประเทศ
