เอ็มเอฟซี ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปีนี้ 35% เน้นกลยุทธ์ สร้างความพึงพอใจกับลูกค้าจากผลตอบแทนกองทุน พร้อมสร้างแบรนด์ ภายใต้สโลแกนใหม่ “ เพื่อนสนิททางการลงทุน” ระบุ เศรษฐกิจเอเชียและไทยยังโดดเด่นในปีนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยวิ่งถึง1,250 จุด จากผลกำไรของบริษัทที่ขยายตัวดี
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2554 ที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.4 จากจำนวน 259,221 ล้านบาทเป็นในปี 2553 เป็น 268,140 ล้านบาทในปี 2554 โดยกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทลดลงร้อยละ 3.3 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2553 จำนวน 160,447 ล้านบาทเป็นจำนวน 155,037 ล้านบาทในปี 2554
เนื่องจากความสำเร็จของการบริหารกองทุน Thailand Equity Fund และกองทุน Tsunami Recovery Fund ที่สามารถบริหารได้ผลเป็นอย่างดี จึงได้มีการทะยอยคืนเงินต้นและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ทำให้มูลค่า NAV ในส่วนของกองทุนรวมลดลง อย่างไรก็ดี ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตเพิ่มร้อยละ 17.6 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2553 จำนวน 72,919 ล้านบาทเป็นจำนวน 85,768 ล้านบาทในปี 2554 และกองทุนส่วนบุคคลเติบโตเพิ่มร้อยละ 5.7 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2553 จำนวน 25,855 ล้านบาทเป็นจำนวน 27,335 ล้านบาทในปี 2554
ทั้งนี้ในปี 2555 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 361,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 35 และมีรายได้เพิ่มเป็น 885 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน โดยบให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการลงทุนในซอฟแวร์ระบบงานลงทุนใหม่ เพื่อช่วยในการทำงานของผู้จัดการกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความทันสมัยสามารถรองรับการลงทุนในตราสารรูปแบบใหม่ๆ ในตลาดได้มากกว่าระบบเดิม ซึ่งระบบงานดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายในอุตสาหกรรมการจัดการกองทุนทั่วโลก
"ในปีนี้มีแผนการออกกองทุนใหม่ในปีนี้ มีจำนวน 25 กองทุน ได้แก่กองทุนตราสารหนี้ 10 กองทุน กองทุน Target Fund ที่ลงทุนในประเทศ 3 กองทุน กองทุน Target Fund ต่างประเทศ 4 กองทุน กองทุนตราสารทุนในประเทศ 3 กองทุน กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) 1 กองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs 3 กองทุน และกองทุน Infrastructure Fund อีก 1 กองทุน" นางสาวประภา กล่าว
นอกจากนั้น ยังได้ลงทุนในระบบซื้อขายหน่วยลงทุนและระบบทะเบียนกองทุนรวม ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในการใช้บริการด้านข้อมูลรวมถึงการทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อติดต่อได้ทุกที่ทุกเวลา ระบบงานดังกล่าวยังช่วยให้บุคคลากรฝ่ายขายสามารถรับรู้ข่าวสาร และข้อมูลสนับสนุนต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน และสามารถติดต่อและบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันในปีนี้ เอ็มเอฟซีจะเน้นเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC” ให้อยู่ในใจของลูกค้า รวมทั้งขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักผ่านสื่อต่างๆ ครอบคลุมทั้งสื่อโทรทัศน์ BTS อาคารสำนักงาน สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ และสื่อ online ตลอดปี 2555 โดยเป็นการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัย และใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้นภายใต้สโลแกน ”เพื่อนสนิททางการลงทุน” หรือ” Your Investment Partner” ด้วยแนวคิดของเอ็มเอฟซีเป็นเหมือนเพื่อนสนิททางการลงทุน และบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี เช่น กิจกรรม MFC Fund Family เช่น การจัดดอกไม้ การบรรยายความรู้ฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้ง การลงทุน การนวดเพื่อผ่อนคลาย ฯลฯ การจัดกิจกรรมท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมชมภาพยนตร์ รวมทั้ง บริษัทจะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น MFC Finance Forum เป็นต้น
คาดหุ้นไทยวิ่งถึง1,250จุด
นางสาวพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายบริหารการลงทุน บลจ. เอ็มเอฟซี กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม ในปี2555 ว่า ประเทศในเอเชียจะมีความโดดเด่นทางเศรษฐกิจในปีนี้ซึ่งสามารถโตได้ที่ระดับ 7% โดยจีนจะเป็นผู้นำการเติบโตและไม่มีควมสี่ยงในเรื่องวการเกิดฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ ขณะที่ในปี 2555 ตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2557 ขณะเดียวกันเงินทุนจะไหลเข้าสู่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับเพิ่มขึ้นไปตามสภาพคล่อง
ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่า ในปี 2555 เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นในทุกๆด้านหลังน้ำท่วม และจะมีการขยายตัวจากแผนการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 5.6-6.1% อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ประมาณ 3.0 - 3.5%
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น คาดว่าดัชนีจะขึ้นถึง 1,250 จุดได้จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ และผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเมื่อเทียกับตลาดในภูมิภาคอื่นโดยคาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 15-18% ในปีนี้ ขณะที่เงินลงทุนยังไหลเข้าในตลาดหุ้นเอเชียและประเทศไทย ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ เรื่องปัญหานี้ในยุโรป การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หากปรับขึ้นไปถึงระดับ 120 เหรียญฯ อาจจะมีผลต่อกาเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2554 ที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.4 จากจำนวน 259,221 ล้านบาทเป็นในปี 2553 เป็น 268,140 ล้านบาทในปี 2554 โดยกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทลดลงร้อยละ 3.3 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2553 จำนวน 160,447 ล้านบาทเป็นจำนวน 155,037 ล้านบาทในปี 2554
เนื่องจากความสำเร็จของการบริหารกองทุน Thailand Equity Fund และกองทุน Tsunami Recovery Fund ที่สามารถบริหารได้ผลเป็นอย่างดี จึงได้มีการทะยอยคืนเงินต้นและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ทำให้มูลค่า NAV ในส่วนของกองทุนรวมลดลง อย่างไรก็ดี ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตเพิ่มร้อยละ 17.6 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2553 จำนวน 72,919 ล้านบาทเป็นจำนวน 85,768 ล้านบาทในปี 2554 และกองทุนส่วนบุคคลเติบโตเพิ่มร้อยละ 5.7 จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในปี 2553 จำนวน 25,855 ล้านบาทเป็นจำนวน 27,335 ล้านบาทในปี 2554
ทั้งนี้ในปี 2555 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 361,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 35 และมีรายได้เพิ่มเป็น 885 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนทุกประเภทกองทุน โดยบให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการลงทุนในซอฟแวร์ระบบงานลงทุนใหม่ เพื่อช่วยในการทำงานของผู้จัดการกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความทันสมัยสามารถรองรับการลงทุนในตราสารรูปแบบใหม่ๆ ในตลาดได้มากกว่าระบบเดิม ซึ่งระบบงานดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายในอุตสาหกรรมการจัดการกองทุนทั่วโลก
"ในปีนี้มีแผนการออกกองทุนใหม่ในปีนี้ มีจำนวน 25 กองทุน ได้แก่กองทุนตราสารหนี้ 10 กองทุน กองทุน Target Fund ที่ลงทุนในประเทศ 3 กองทุน กองทุน Target Fund ต่างประเทศ 4 กองทุน กองทุนตราสารทุนในประเทศ 3 กองทุน กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) 1 กองทุน กองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs 3 กองทุน และกองทุน Infrastructure Fund อีก 1 กองทุน" นางสาวประภา กล่าว
นอกจากนั้น ยังได้ลงทุนในระบบซื้อขายหน่วยลงทุนและระบบทะเบียนกองทุนรวม ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในการใช้บริการด้านข้อมูลรวมถึงการทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อติดต่อได้ทุกที่ทุกเวลา ระบบงานดังกล่าวยังช่วยให้บุคคลากรฝ่ายขายสามารถรับรู้ข่าวสาร และข้อมูลสนับสนุนต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน และสามารถติดต่อและบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันในปีนี้ เอ็มเอฟซีจะเน้นเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC” ให้อยู่ในใจของลูกค้า รวมทั้งขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักผ่านสื่อต่างๆ ครอบคลุมทั้งสื่อโทรทัศน์ BTS อาคารสำนักงาน สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ และสื่อ online ตลอดปี 2555 โดยเป็นการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัย และใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้นภายใต้สโลแกน ”เพื่อนสนิททางการลงทุน” หรือ” Your Investment Partner” ด้วยแนวคิดของเอ็มเอฟซีเป็นเหมือนเพื่อนสนิททางการลงทุน และบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี เช่น กิจกรรม MFC Fund Family เช่น การจัดดอกไม้ การบรรยายความรู้ฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้ง การลงทุน การนวดเพื่อผ่อนคลาย ฯลฯ การจัดกิจกรรมท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมชมภาพยนตร์ รวมทั้ง บริษัทจะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น MFC Finance Forum เป็นต้น
คาดหุ้นไทยวิ่งถึง1,250จุด
นางสาวพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายบริหารการลงทุน บลจ. เอ็มเอฟซี กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม ในปี2555 ว่า ประเทศในเอเชียจะมีความโดดเด่นทางเศรษฐกิจในปีนี้ซึ่งสามารถโตได้ที่ระดับ 7% โดยจีนจะเป็นผู้นำการเติบโตและไม่มีควมสี่ยงในเรื่องวการเกิดฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ ขณะที่ในปี 2555 ตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2557 ขณะเดียวกันเงินทุนจะไหลเข้าสู่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับเพิ่มขึ้นไปตามสภาพคล่อง
ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่า ในปี 2555 เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นในทุกๆด้านหลังน้ำท่วม และจะมีการขยายตัวจากแผนการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 5.6-6.1% อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ประมาณ 3.0 - 3.5%
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น คาดว่าดัชนีจะขึ้นถึง 1,250 จุดได้จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ และผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเมื่อเทียกับตลาดในภูมิภาคอื่นโดยคาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 15-18% ในปีนี้ ขณะที่เงินลงทุนยังไหลเข้าในตลาดหุ้นเอเชียและประเทศไทย ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ เรื่องปัญหานี้ในยุโรป การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หากปรับขึ้นไปถึงระดับ 120 เหรียญฯ อาจจะมีผลต่อกาเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้